SUPEREIF จ่ายปันผลครั้งที่ 16 ในอัตรา 0.02950 บาทต่อหน่วย วันที่ 8 ธันวาคม 2566 นี้ 

SUPEREIF จ่ายปันผลครั้งที่ 16 ในอัตรา 0.02950 บาทต่อหน่วย วันที่ 8 ธันวาคม 2566 นี้ 

นายพรชลิต  พลอยกระจ่าง  รองกรรมการผู้จัดการ  Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือBBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 16 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 หรือระหว่างวันที่  1 กรกฎาคม 2566  ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566  ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.02950 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน  เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่  24 พฤศจิกายน  2566  และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 8 ธันวาคม 2566

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน  จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 16 ครั้ง คิดเป็นเงิน 3.01224 บาทต่อหน่วย   และจ่ายเงินคืนทุนไป  3 ครั้ง   คิดเป็นเงิน  0.220 บาทต่อหน่วย  รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น  3.23224  บาทต่อหน่วย

โดยตั้งแต่ปีปฏิทิน 2566 เป็นต้นไป หากกองทุนฯ จะมีการจ่ายเงินคืนทุนสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างปีปฏิทิน กองทุนฯ จะรวบรวมเงินคืนทุนดังกล่าวไปจ่ายพร้อมกับเงินจ่ายที่จะพิจารณาจากรอบผลการดำเนินงานสุดท้ายของปีปฏิทินนั้นๆ โดยสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 กองทุนฯ จะมีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 32.2 ล้านบาท หรือ 0.06260 บาทต่อหน่วย และสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 กองทุนฯ จะมีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 58.1 ล้านบาท หรือ 0.11284 บาทต่อหน่วย

สำหรับสรุปผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี  2566  พบว่า มีรายได้รวม 615.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่  475.9 ล้านบาท  ลดลง 2.3%  จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกปี 2566 เท่ากับ 77.4% ลดลงจาก 79.6% ในงวดเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2566 พบว่ามีรายได้รวมเท่ากับ  173.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 20.4% จากไตรมาสก่อน ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 126.2 ล้านบาท ลดลง 1.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 25.7% จากไตรมาสก่อน ส่วนอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ อยู่ที่ 73.0% ลดลงจาก 75.6% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 78.1% ในไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ  ปราจีนบุรี  สระแก้ว  พิจิตร   และเพชรบูรณ์    โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ  เริ่มตั้งแต่วันที่  14 สิงหาคม 2562  จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

BBLAM

13 พฤศจิกายน 2566