OECD คาดเศรษฐกิจโลกปี 67 โต 3.1% เงินเฟ้อลดเร็วกว่าคาดในหลายประเทศ

OECD คาดเศรษฐกิจโลกปี 67 โต 3.1% เงินเฟ้อลดเร็วกว่าคาดในหลายประเทศ

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัวได้ดีขึ้นและอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ในหลายประเทศ พร้อมเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทั่วโลกในปี 2567 เป็น 3.1% จาก 2.9% ในเดือนก.พ.

OECD ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว แม้สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เศรษฐกิจขาดเสถียรภาพมากขึ้น แต่ความเสี่ยงดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่สมดุลขึ้น

ทั้งนี้ OECD ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทั่วโลกในปี 2567 เป็น 3.1% จาก 2.9% ในเดือนก.พ. โดยเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียขึ้นมาอย่างโดดเด่น ซึ่งการขยายตัวน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.2% ในปี 2568

แนวโน้มที่สดใสดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจโลกดูเหมือนจะรอดพ้นภาวะ Stagflation ซึ่งเป็นภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อและอัตราว่างงานสูง แม้ว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะยังไม่แตะค่าเฉลี่ย 3.4% ในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และก่อนวิกฤตพลังงาน

ขณะเดียวกัน OECD  คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อ 3 เดือนก่อน ยกเว้นประเทศสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน คาดว่าอัตราเงินเฟ้อ จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในปี 2567 จากคาดการณ์เดิมที่ 2.2% อย่างไรก็ตาม OECD ระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ น่าจะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ยังคงหวังว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 แม้จะยอมรับว่า การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อทำให้คณะกรรมการผู้กำหนดนโยบายมั่นใจลดลงว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อกำลังคลี่คลายลง

การคาดการณ์ใหม่ของ OECD ยังสนับสนุนมุมมองเชิงบวกของสถาบันระหว่างประเทศอื่น ๆ รวมไปถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว โดย Clare Lombardelli หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD กล่าวว่า “มุมมองเชิงบวกแต่ยังเฝ้าระวังต่อเศรษฐกิจเริ่มขยายไปทั่วโลก แม้ระดับการเติบโตจะไม่มากนักและยังคงมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ก็ตาม แต่เงินเฟ้อกำลังชะลอตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดหรือใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์”

ทั้งนี้ OECD คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินก่อนธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด

ที่มา: บลูมเบิร์ก