Key Take Away วันแรกของการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 (National Party Congress)

 

 

เมื่อ 18 ต.ค. การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 (National Party Congress) เปิดฉากขึ้นแล้วที่มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง และจะดำเนินไปถึงวันที่ 25 ต.ค. ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมหรือที่เรียกว่า Political Report โดยมีใจความสำคัญ (Key Takeaways) ดังนี้;

 

  • Political Report เน้นย้ำการพัฒนาสังคมจีนไปสู่ 小康社会 ภายในปี 2020 (xiǎokāngshèhuì) หรือที่เป็นภาษาอังกฤษว่า Moderate Properous Society (คำนี้ใช้ตั้วแต่สมัยหูจิ่นเทา เน้นย้ำให้สังคมเข้าสู่กลุ่มรายได้ปานกลาง ให้ประชากรอยู่อย่างสะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น) เพื่อให้ประเทศจีนบรรลุความฝันของชาวจีน (Chinese Dream ในนิยามนี้คือ เป้าหมายเป็นประเทศที่มีความทันสมัยในระบอบสังคมนิยมที่มีความเข้มแข็งฯและฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของชาติจีน หรือ Achieving the great renewal of the Chinese nation) โดยในเป้าหมายระยะยาวสีจิ้นผิงได้น้อมนำวิสัยทัศน์ของเติ้งเสี่ยวผิงให้จีนรุ่งเรืองภายในปี 2035 และให้แข็งแกร่งมั่งคั่งภายในปี 2050 ในรายงาน Political Report นี้ไม่ได้ระบุเป้าหมาย GDP ไว้ แต่ยังยืนเป้าเดิมที่จะเพิ่ม GDP ของจีนจากปี 2010 ให้โต 2 เท่าทั้งฝั่ง GDP และรายได้ต่อหัวภายในปี 2020

 

  • Political Report ระบุถึงความสำเร็จของจีนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่มี Market Share ของเศรษฐกิจโลกถึง 30% สามารถยกระดับเทคโนโลยีเข้าสู่ เศรษฐกิจยุคดิจิตอล ประชาชนในจีนเข้าสู่ความเป็นสังคมเมืองอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 2% ของจำนวนประชากรจีนต่อปี และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้ออกมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมแล้ว 1,500 มาตรการ

 

  • อย่างไรก็ตามรายงานดังกล่าวได้ระบุว่าสังคมจีนยังเผชิญความท้าทายด้านการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมและไม่ทั่วถึง เช่น คุณภาพของการเติบโตยังไม่ดี, การพัฒนาประเทศในเชิงโครงสร้างยังขาดความสมดุลย์, และยังมีความต่างระหว่าง Creativity และ Productivity, ปัญหาด้านมลพิษสิ่งแวดล้อมยังมีอยู่,  พบความต่างระหว่างเมืองและชนบท, การเข้าถึงการศึกษา ระบบประกันสุขภาพ ที่อยู่อาศัย การดูแลผู้สูงวัย ของประชาชนชาวจีน รายงานดังกล่าวระบุว่ามีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการเพื่อแก้ไขความท้าทายเหล่านี้
  • รายงานดังกล่าวยังเน้นย้ำความสำคัญของการปฏิรูปฝั่งอุปทาน โดยเศรษฐกิจจีนจะต้องมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั้งห่วงโซ่อุปทาน จีนต้องพัฒนาระบบการผลิตให้แข็งแกร่งโดยเฉพาะด้านคุณภาพ และต้องน้อมนำการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น Disruptive Technology, Big Data, AI ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางไปถึงปลายน้ำของทั้งห่วงโซ่ ในขณะเดียวกัน จีนจะต้องรักษาคุณภาพของการลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้วย พร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ

 

  • Political report นี้เน้นย้ำว่า จีนจะให้ Technology และ Innovation เป็นตัวนำเศรษฐกิจ และจีนจะต้องอยู่ที่ Technological Frontier (กล่าวคือจีนต้องใหม่ที่สุดในขอบเขตของการพัฒนาด้านเทคโนโลยี) ของการพัฒนาเทคโนโลยีโลก และเสริมความแข็งแกร่งของจีนด้วยการพัฒนาทั้งองคาพยพ ตั้งแต่ งานวิจัยทั้งเชิงพื้นฐานและเชิงการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ

 

  • เสริมความแข็งแกร่งให้กับชนบท คุ้มครองเกษตรกรด้วยการให้สิทธิในการใช้ที่ดินเพื่อการเพาะปลูกเพิ่มขึ้นไปอีก 30 ปี และส่งเสริมการเพาะปลูกแนวใหม่ คุ้มครองผลประโยชน์ผ่านการจดสิทธิบัตร

 

  • ร่วมมือกันพัฒนาในเชิงภูมิภาค ด้วยการร่วมมือกันโปรโมต City Clusters โดยเฉพาะ ปักกิ่ง เทียนจิน เหอเป่ย เช่นเดียวกับเขตชายฝั่งรวมฮ่องกง และพื้นที่ 9 เมืองบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไข่มุก (Greater Pearl Delta Area กินพื้นที่ 9 เมืองในมณฑลกว้างตุ้ง) รายงานฉบับนี้ระบุถึงการวางแผนก่อสร้างเขตเมืองใหม่ที่ชื่อ Xiong’an ด้วย

 

  • จีนจะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในระบบตลาด (Market Economy) ต่อไป ปธนกล่าวว่า ตลาดคือผู้จัดสรรทรัพยากร การบริหารจัดการสินทรัพย์ของ SOEs ต้องได้รับการพัฒนาไปสู่ Mixed Ownership SOE reforms โดยให้กิจการสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก แต่ก็ยังรักษามูลค่ากิจการให้กับรัฐวิสาหกิจไว้ได้ อย่างไรก็ดีรัฐบาลจะให้การสนับสนุน SOEs และ POEs กล่าวคือ Privately Owned Enterprise อย่างเท่าเทียมกัน

 

  • สร้างความแข็งแกร่งให้กับนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ให้มีความเชื่อมโยงกันระหว่างนโยบายคลัง นโยบายการเงิน และใช้เครื่องมือทางการเงินบูรณาการโครงสร้างอุปทานอย่างเหมาะสม เพิ่มระเบียบทางการคลัง ขยาย Capacity ของระบบการเงินเพื่อรองรับระบบเศรษฐกิจจริง ประเทศจีนจะพัฒนาประสิทธิภาพการใช้นโยบายการเงินควบคู่ไปกับนโยบายสำหรับธนาคารพาณิชย์ (Macroprudential Framework) และดำเนินการเปิดเสรีดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนต่อไป ภายในเกณฑ์การเงินที่เข้มแข็งและครอบคลุม

 

  • เดินหน้าโครงการ the Belt and Road Initiatives (BRI หรือ One Belt One Road เดิม) และสนับสนุนการค้าและการลงทุนเสรีขั้นสูง จีนจะให้สิทธิประโยชน์การลงทุนใน FTZ เพิ่มและพัฒนาท่าขนส่งของเสรี

 

  • ใช้กลยุทธจีนสุขภาพดีถ้วนหน้า โดยจะปฏิรูประบบการแพทย์ ความปลอดภัยด้านอาหาร ส่งเสริมการให้การบริการด้านสุขภาพของเอกชน และพัฒนาระบบบำเหน็จบำนาญ

 

  • พัฒนาระบบอสังหาริมทรัพย์ ให้เพื่ออยู่ ไม่ใช่เพื่อเก็งกำไร

 

 

การประชุมนี้จะมีต่อเนื่องไปถึงวันที่ 25 พ.ย. ตลาดจับตาวันสำคัญได้แก่

  1. วันที่ 18 ต.ค. ซึ่งปธน. Xi Jinping จะแถลงผลงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยนโยบายที่น่าจับตามอง คือการลดระดับหนี้, การลดกำลังการผลิตส่วนเกิน และโครงการ “Belt and Road Initiatives หรือที่รู้จักกันว่า One Belt One Road”

 

  1. วันที่ 25 ต.ค. การประกาศรายชื่อผู้นำระดับสูง Politburo Standing Committee ซึ่งเรามองว่า ปธน. Xi Jinping จะพยายามรวบอำนาจและแต่งตั้งคนใกล้ชิดที่เคยทำงานร่วมกันขึ้นมาเป็นผู้นำระดับสูงให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้การปฎิรูปเศรษฐกิจต่างๆ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

 

  1. การสับเปลี่ยนผู้นำ มีประเด็นที่ต้องจับตามองอยู่ 3 ประเด็นคือ
  • นาย Wang Qishan หนึ่งใน 7 ผู้นำระดับสูงในปัจจุบัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาคอรัปชั่น จะดำรงตำแหน่งต่ออีกหนึ่งวาระหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะขัดประเพณีที่กำหนดให้ผู้นำที่มีอายุ 68 ปีขึ้นไปต้องเกษียณอายุและลงจากอำนาจ และอาจเป็นการส่งสัญญาณว่านาย Xi Jinping มีแนวโน้มที่จะคุมอำนาจและดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 3
  • จำนวนผู้นำระดับสูงจะลดลงจากปัจจุบันที่ 7 คนหรือไม่ ซึ่งหากลดลงก็จะเป็นการเพิ่มฐานอำนาจให้กับนาย Xi Jinping
  • จะมีการกล่าวถึงผู้ที่จะสืบทอดอำนาจต่อจากนาย Xi Jinping ซึ่งจะดำรงตำแหน่งปธน. จนครบวาระ 10 ปีในปี 2022 หรือไม่

 

ดร มิ่งขวัญ ทองพฤกษา

กองทุนบัวหลวง