กองทุน RMF ราคาสูงลงทุนได้ไหม

กองทุน RMF ราคาสูงลงทุนได้ไหม

กองทุน RMF ราคาสูงลงทุนได้ไหม

โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน

BF Knowledge Center

  • ทำไมราคา NAV กองทุน RMF จึงต่างกัน

เพราะกองทุน RMF จัดตั้งมานานเกือบ 20 ปีแล้ว กองทุนจึงมีระยะเวลาดำเนินงานที่นาน มีเวลาสั่งสมผลตอบแทนให้มูลค่า NAV เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะกองทุนหุ้น หรือกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในหุ้น หลายกองทุนมีราคาสูงหลักหลายสิบหรือหลักร้อย

ขณะที่กองทุน RMF ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังจะมีราคาอยู่ที่ช่วง 10-20 บาท ซึ่งกองทุนใหม่ๆ นี้เกิดขึ้นเพราะระยะหลังมีโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่เหมาะกับการลงทุนระยะยาวแบบ RMF โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศ ทำให้ RMF มีความหลากหลายให้นักลงทุนได้เลือกตามต้องการ

  • ราคา NAV สูงๆ แสดงว่ากองทุนนั้นราคาสูงเกินไปแล้วไหม

กองทุนมีลักษณะเป็นพอร์ต ที่มีหุ้นจำนวนมากมารวมกัน ต่างจากหุ้นรายตัว ซึ่งเป็นมูลค่าของบริษัท ซึ่งมีข้อจำกัดด้านศักยภาพการผลิต การตลาด จึงมีราคาเป้าหมาย ที่นักวิเคราะห์หรือนักลงทุนให้ราคาไว้ แต่กองทุนที่เป็นพอร์ต มีการเปลี่ยนแปลงหุ้นได้เรื่อยๆ ตามมุมมองของผู้จัดการกองทุน ราคาที่สูงขึ้น แตะหลักหลายสิบบาทหรือหลักร้อย จากราคาเริ่มต้นที่ 10 บาท จึงแตกต่างกัน ไม่สามารถใช้การนำตัวเลขราคา NAV มาเปรียบเทียบว่าสูงหรือต่ำไปแบบหุ้นรายตัวได้

  • ราคาต่างกันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ RMF ไหม

เนื่องจากราคา NAV จะเป็นราคาที่สะท้อนมูลค่าของพอร์ตการใช้ราคาเปรียบเทียบว่ากองทุน RMF ใดน่าซื้อหรือนำมาใช้ตัดสินใจซื้อ จึงไม่เหมาะสม แต่ผู้ลงทุนควรพิจารณาจาก สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม และความน่าสนใจของกองทุน RMF นั้นๆ ว่ามีโอกาสเติบโตในอนาคตหรือไม่ เช่นเดียวกับการเลือกกองทุนรวมเพื่อลงทุนนั่นเอง

โดยสรุปแล้ว การลงทุนใน RMF เป็นการลงทุนระยะยาว สั่งสมความมั่งคั่ง มูลค่า NAV ของกองทุน RMF รุ่นแรกๆ ที่เพิ่มขึ้น หลายกองทุนแตะระดับหลายสิบบาท ร้อยบาท สะท้อนถึงความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี  อย่างไรก็ตาม กองทุนที่ NAV อยู่ระดับ 10 บาท เป็นเพราะกองทุนตั้งในภายหลัง เป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ลงทุน ราคาจึงยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งมูลค่า NAVที่แตกต่างกัน ไม่ได้สะท้อนว่ากองทุนไหนดีกว่ากันหรือ แพงไปถูกไปแต่อย่างใด เนื่องจากกองทุนเป็นพอร์ตรวมของหุ้นหลายๆ ตัว ผู้จัดการกองทุนสามารถเปลี่ยนแปลงหุ้นได้  แตกต่างจากราคาหุ้นในตลาดเป็นรายบริษัท ซึ่งมีราคาเหมาะสม ราคาเป้าหมายตามศักยภาพทางธุรกิจ การตลาด ฐานลูกค้า และกำลังการผลิตของบริษัทนั้นๆ