จีนจะแซงหน้าสหรัฐในการเป็นผู้นำเอไอใน 5-10 ปีข้างหน้า

จีนจะแซงหน้าสหรัฐในการเป็นผู้นำเอไอใน 5-10 ปีข้างหน้า

เซาท์ ไชน่า มอนิ่ง โพสต์ รายงานว่า แม้ขณะนี้จีนจะเป็นอันดับ 2 ด้านความสามารถแข่งขันในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) รองจากสหรัฐ แต่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า หากการเติบโตด้านเอไอของจีนยังเป็นเช่นปัจจุบันต่อไป ก็คาดว่าจีนจะแซงหน้าขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทนที่สหรัฐได้

ทั้งนี้ Tortoise Intelligence. จัดทำดัชนีเอไอโลก หรือ Global AI Index ออกมา โดยระบุว่า จำนวนบริษัทเอไอทั่วโลกเพิ่มขึ้นมาเท่าตัวในเวลา 4 ปี โดยปัจจุบันมีกว่า 20,000 บริษัท ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเอไอ ตั้งแต่ใช้ในรถยนต์ไร้คนขับไปจนถึงอัลกอริธึ่มด้านการแพทย์ โดยมากกว่า 10,000 บริษัทด้านเอไอ ก่อตั้งในปี 2015 ซึ่งสามารถดึงดูดเงินลงทุนได้ 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสหรัฐเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเอไอ  แต่จีนถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วมากด้านเอไอ และน่าจะแซงหน้าสหรัฐได้ใน 5-10 ปีข้างหน้า หากการเติบโตต่อจากนี้ยังเป็นเหมือนปัจจุบัน

สำหรับการจัดทำดัชนีครั้งนี้ มีประเทศที่ถูกจัดอันดับความสามารถด้านเอไอ 54 ประเทศ โดยใช้ 7 ปัจจัยหลักในช่วง 12 เดือนเป็นตัวชี้วัดความสามารถ เช่น บุคลากรที่มีความสามารถ โครงสร้างพื้นฐาน สภาพแวดล้อมด้านปฏิบัติการ การวิจัย พัฒนา กลยุทธ์ภาครัฐ และบริษัทร่วมทุนเชิงพาณิชย์ โดยสหรัฐได้คะแนน 100 เต็ม ขณะที่อันดับ 2 อย่างจีน ได้ 58.3 คะแนน ห่างกว่ากันเกือบเท่าตัว มาจากคุณภาพงานวิจัย บุคลากรที่มีความสามารถ และการระดมทุนภาคเอกชน สำหรับอันดับ 3-5 ได้แก่ สหราชอาณาจักร แคนาดา และเยอรมนี ตามลำดับ

ในส่วนของฮ่องกงนั้นอยู่ในอันดับ 25 ซึ่งก็พบว่าได้คะแนนด้านโครงสร้างพื้นฐานดี แต่คะแนนสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานต่ำ ส่วนสิงคโปร์ อยู่ในอันดับ 7 เนื่องจากมีคะแนนด้านความเข้มแข็งของบุคลากรที่มีความสามารถ แต่มีสภาพแวดล้อมด้านปฏิบัติการที่ดีน้อยกว่า