กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) เดินหน้าจ่ายปันผลครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.26515 บาทต่อหน่วย วันที่ 10 มิ.ย. นี้

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) เดินหน้าจ่ายปันผลครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.26515 บาทต่อหน่วย วันที่ 10 มิ.ย. นี้

นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 ในอัตราหน่วยละ 0.26515 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2563 – 31 มีนาคม 2563 คิดเป็นเงินประมาณ 136.6 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทจัดการกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนในการรับเงินปันผล ในวันที่ 10 มิถุนายน 2563 ที่จะถึงนี้

คุณพรชลิต พลอยกระจ่าง

นายพรชลิต กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกองทุน SUPEREIF ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2563 – 31 มีนาคม 2563 กองทุนฯ มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 178.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% จากไตรมาสก่อน มีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วเท่ากับ 150.7 ล้านบาท โดยหักสำรองเงินต้นและดอกเบี้ยที่กองทุนฯ ต้องชำระแก่ผู้ให้กู้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ประมาณ 27.4 ล้านบาท และมีอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 76.7% เมื่อเทียบกับ 74.1% ในไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้รวม ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลง

สำหรับ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 กองทุนบัวหลวง

13 พฤษภาคม 2563