BBLAM Knowledge Tips: หลายเหตุผลที่ทำให้จีนกลับมาน่าลงทุน

BBLAM Knowledge Tips: หลายเหตุผลที่ทำให้จีนกลับมาน่าลงทุน

โดย เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® BBLAM

ปีนี้ ตลาดการลงทุนย้ายมาโฟกัสในฝั่งเอเชียครับ โดยเฉพาะจีนที่ซบเซามา 2 ปี ซึ่งก็มาจากหลายๆ สาเหตุ แต่สาเหตุใหญ่ๆ ก็มาจากโควิด ที่ประเทศจีนยังคงใช้นโยบายเข้มงวดอย่าง Zero-Covid ก่อนจะมายอมผ่อนคลายเมื่อปลายปีที่แล้ว

แต่การผ่อนคลายนโยบายหลังประเทศใหญ่อื่นๆ ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่หลายประเทศใหญ่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและเงินเฟ้อ ก็ยิ่งทำให้ประเทศจีนมีความน่าสนใจมากขึ้นโดยเปรียบเทียบ

สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียที่ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ให้มีสัดส่วนการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น มีการค้าขายและเดินทางระหว่างกันมากขึ้น การที่จีนเปิดประเทศจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจหลายประเทศมีความน่าสนใจมากกว่าฝั่งตะวันตก เพราะปริมาณคนจีนที่มีมาก มีกำลังซื้อและการเดินทางของคนจีนในภูมิภาคเอเชียจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ทดแทนกำลังซื้อจากฝั่งตะวันตกที่ลดลง

กลับมาที่จีน นอกจากการผ่อนคลายนโยบายเรื่องโควิดแล้ว ข่าวการปรากฎตัว ของ Jack Ma ที่ Hang Zhou ที่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Alibaba หรือการประกาศที่จะแยกหน่วยธุรกิจ ที่ประกอบไปด้วยพวก Ecommerce ธุรกิจ Cloud ธุรกิจ Logistic ก็เป็นเหมือนสัญญาณ ที่บ่งชี้ว่า การควบคุมบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีนน่าจะผ่อนคลายลง หลังจากถูกทางการจีนควบคุมจัดระเบียบมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การไม่ให้ระดมทุนของ Ant Group การควบคุมการผูกขาดของกิจการ  E-Commerce การควบคุมธุรกิจเกม เป็นต้น

ในมุมมองของการลงทุนจากนี้ไป ปัจจัยบวกของจีนดูดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาพรวมของเศรษฐกิจหรือโอกาสการลงทุน

ปัจจุบันเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว หลังจากเลิกนโยบาย Zero-Covid ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีน อย่างดัชนีฝ่ายจัดซื้อ PMI ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ล้วนอยู่ในโหมดของการขยายตัว และคาดว่าตัวเลขยอดค้าปลีกในประเทศก็น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง

นอกจากนั้น ความเสี่ยงสำคัญ อย่างอัตราเงินเฟ้อในประเทศจีนก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การอัดฉีดสภาพคล่องจากทางการ ผ่านการลดอัตราส่วนสำรองในภาคธนาคาร ยังคงต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ในตลาด มอง GDP ของจีนไตรมาสที่ 1 ว่า เราอาจเห็นการเติบโตระดับ 4% ซึ่งมากกว่าไตรมาสที่แล้วที่ได้ไม่ถึง 3%

นอกจากนั้น ปัจจัยสำคัญ คือ มุมมองของฝ่ายการเมือง จากประชุมสองสภาของจีน เมื่อเดือนที่แล้วก็มีความชัดเจนในด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ ที่ประมาณ 5% ซึ่งจะมากกว่าการเติบโตที่ทำได้ปีที่แล้วที่ 3% และการใช้ทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในการหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ส่วนด้านปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็น่าจะมีมาตรการช่วยเหลือมาต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นประเด็นบวกเชิงของเศรษฐกิจจีน

สำหรับโอกาสของการลงทุน ตอนนี้ หุ้นจีนถือว่ามี P/E ที่ถูกกว่า ในขณะที่การเติบโตปีนี้ดูดีกว่าฝั่งตะวันตกพอสมควรเลย นักวิเคราะห์คาดว่า ในปีนี้น่าจะได้เห็นการเติบโตของดัชนี MSCI China ที่ 18% ในขณะที่ PE อยู่เพียง 11 เท่านิดๆ ขณะที่ตลาดหุ้นโลกภายใต้ดัชนี MSCI World คาดปีนี้กำไรน่าจะทรงตัว แต่มี P/E ที่แพงกว่า ที่ 16 เท่า  ซึ่งบอกได้ชัดเจนว่า ในเชิงเปรียบเทียบหุ้นจีน ดูเหมือนมีภาษีที่ดีกว่าหุ้นโลกอย่างไม่ต้องสงสัย