กองทุนรวม คนไทยใจดี (BKIND)

กองทุนรวม คนไทยใจดี (BKIND)

BBLAM’s 2020 INVESTMENT THEMES

“เครือข่ายครอบคลุม สร้างความแข็งแกร่ง บรรษัทแข็งแรงสร้างความยั่งยืน

ภาพรวมตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงปรับตัวในทิศทางเชิงบวก นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐที่ดัชนี S&P500 สามารถทำ All Time High ได้ในปลายเดือนสิงหาคม หลังจากการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน หนุนนำด้วยกลุ่ม Technology ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนโดยภาพรวมยังคงขับเคลื่อนด้วยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้านนโยบายการเงิน ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในปลายเดือนสิงหาคม ซึ่งระบุ Fed จะมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายเงินเฟ้อที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดย Fed จะปล่อยให้เงินเฟ้อสูงกว่า 2% โดยยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย ทำให้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มต่ำต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น ส่งผลบวกต่อการลงทุนโดยภาพรวม

ขณะที่ตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง นำโดย PMI ในสหรัฐ จีน และยูโรโซน ที่กลับมาอยู่ในโซนขยายตัวและยังคงความแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอลง แต่ตลาดยังคงมีความหวังต่อนโยบายการคลังระลอกใหม่จากสภาคองเกรสที่จะเข้ามาช่วยหนุนเศรษฐกิจ รวมถึงพัฒนาการเชิงบวกจากวัคซีนที่ยังคงมีต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถทำให้ผู้คนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีเข้ามากดดันตลาด ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง จากการแบนแอปพลิเคชันของจีน

ด้านตลาดหุ้นไทย ในช่วงที่ผ่านมามีการรับรู้ผลประกอบการไตรมาส 2 ครบถ้วน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวแรง บริษัทจดทะเบียนไทยมีกำไรรวม 1.18 แสนล้านบาท ลดลง 46% YoY เพิ่มขึ้น 34% QoQ แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพลิกกลับมามีกำไรสุทธิในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หลังตลาดน้ำมันฟื้นตัวจากเหตุการณ์การ Lockdown อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการโดยรวมเป็นไปตามคาดการณ์กำไรของตลาด (Bloomberg Consensus)

ทั้งนี้ แนวโน้มประมาณกำไรของตลาดยังคงปรับลง ทำให้ระดับ Fwd PE ของปี 2020-2021 ปรับสูงขึ้นเป็น 22.2 และ 17.1 เท่า ตามลำดับ กดดัน Upside ของตลาดในระยะสั้น แม้ว่าทิศทางของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆมีแนวโน้มกลับคืนสู่ภาวะปกติมากขึ้น แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังการเกิด Second Wave อยู่ ในขณะที่มาตรการฟื้นฟูจากทางรัฐบาลคาดว่าจะมีออกมาต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยประคับประคองการใช้จ่ายในประเทศ ในระหว่างที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถกลับมาท่องเที่ยวในเร็วๆ นี้ได้

Source: BBLAM

 

กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน

ด้านปัจจัยภายนอก ยังคงต้องติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ หลังนโยบายการเงินและการคลังจากทางภาครัฐช่วยหนุนเศรษฐกิจเต็มที่ โดยตลาดอาจเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังใกล้เข้ามามากขึ้น รวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ยังคงมีอยู่ โดยแม้ว่าจะเป็นปัจจัยที่ตลาดจับตาดูอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะสร้างความผันผวนในระยะสั้นๆ ได้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ มีปัจจัยเพิ่มเติมจากการชุมนุมทางการเมือง กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ยังมีความ Selective เนื่องจากระดับ Valuation ที่สูง ซึ่งหนุนนำโดยสภาพคล่องทางการเงินของโลก ในขณะที่ผลประกอบการหลังจากฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 แล้ว ยังต้องติดตามว่าแนวโน้มการฟื้นตัวต่อจากนี้จะช้าเร็วกว่าที่คาดอย่างไร ในระยะสั้นตลาดอาจเผชิญความผันผวนได้บ้าง การลงทุนจึงเลือกเน้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง มีแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการที่ดี  โดยผู้จัดการกองทุนมีมุมมองบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้

กลุ่มขนส่ง : ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เติบโตระดับต่ำ เน้นลงทุนในบริษัทที่กำไรสามารถเติบโตได้จากการขยายเส้นทางเดินรถไฟฟ้าและทางด่วน

กลุ่มค้าปลีก : ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตอย่างสม่ำเสมอและได้รับผลกระทบจากวัฎจักรเศรษฐกิจต่ำ เลือกลงทุนในบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันและมีความสามารถในการขยายธุรกิจ

วัสดุก่อสร้าง : ช่วงครึ่งปีหลัง ภาครัฐจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งจากงบปัจจุบันที่มีความล่าช้าในการเบิกจ่ายในช่วงที่ผ่านมา  งบประมาณใหม่ที่จะเริ่มเดือน ต.ค. และงบฟื้นฟูเศรษฐกิจที่รอการอนุมัติ  ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม

กองทุนรวม คนไทยใจดี เน้นลงทุนในบริษัทที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมใน 4 ด้าน คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment)  สังคม (Social) ธรรมาภิบาล (Good Governance) และ การต่อต้านคอร์รัปชั่น (Anti-Corruption)  ข้อมูล ณ 31 สิงหาคม 2563 กองทุนรวม คนไทยใจดี มีผลการดำเนินงาน ดังนี้

ผลการดำเนินงานของกองทุน ณ 31 สิงหาคม 2563

น้ำหนักการลงทุนของกองทุนแยกตามหมวดธุรกิจเทียบกับ Benchmark ณ 31 สิงหาคม 2563

Source : BBLAM

เงินบริจาคจาก BKIND ไปช่วยอะไรในสังคมแล้วบ้าง*

ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน กองทุนรวมคนไทยใจดี (BKIND) ได้มอบเงินค่าจัดการกองทุน 40% คิดเป็นประมาณเกือบ 40 ล้านบาท ไปสนับสนุน 51 โครงการ ในทุกภูมิภาคของไทย โดยสามารถแบ่งได้หลากหลายประเภทโครงการ ซึ่งในฉบับนี้ขอนำเสนอด้านที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุ เด็กพิเศษ คนพิการ เมืองและสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และการเกษตร   ดังนี้

ผู้สูงอายุ

  • เกิดกลไกการให้บริการเครื่องใช้ราคาถูกสำหรับผู้สูงอายุรายได้น้อย ที่ให้บริการผู้สูงอายุแล้ว 44 คน (โครงการ ForOldy)

เด็กพิเศษ

  • เกิดกระบวนการและพื้นที่การเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนร่วมของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ให้สามารถเรียนในระบบโรงเรียนได้ โดยมีผู้อำนวยการ ครู และผู้ปกครองเรียนรู้ร่วมกันกว่า 600 คนในจังหวัดลพบุรี (โครงการสร้างเครือข่ายสนับสนุนโรงเรียนจัดการเรียนร่วมฯ)

คนพิการ 

  • เกิดศูนย์กลาง know-how และระบบในการผลิตเครื่องมือและสื่อการเรียนเพื่อสนับสนุนการเรียนของนักศึกษาที่บกพร่องทางการมองเห็น มีนักศึกษาใช้เครื่องมือและระบบนี้แล้ว 240 คน สื่อ 250 ชิ้น นักศึกษาอาสาช่วยติว 800 คน และมีศักยภาพที่จะขยายผลไปยังศูนย์นักศึกษาพิการในสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ (โครงการ The Guidelight)
  • สนับสนุนคนพิการ 31 คนให้มีทัศนคติ วิธีคิด ความรู้ และทักษะที่ดีในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตนเอง มีความสามารถในการแก้ปัญหาธุรกิจ การจัดการ พัฒนาโครงการ จนเป็นผู้นำสร้างความเปลี่ยนแปลง (Change Agent – CA) ไปทำงานสนับสนุนคนพิการในพื้นที่ของตนเอง เพื่อพัฒนาศักยภาพคนพิการ ให้บริการและช่วยเหลือคนพิการ ให้ข้อมูล คำแนะนำ การเข้าถึงสิทธิ์ ได้ไม่ต่ำกว่า 500 รายต่อพื้นที่ (โครงการพัฒนาศักยภาพและรูปแบบโหนดการจ้างงานคนพิการในระดับพื้นที่)

เมืองและสิ่งแวดล้อม 

  • เกิดกลไกใหม่ในการจัดการดูแลตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ในเมืองให้ถูกต้อง สวยงาม ปลอดภัย โดยความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา กับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตัดแต่งต้นไม้ เช่น กทม. การไฟฟ้านครหลวง และเทศบาลต่างๆ เพื่อตัดแต่งต้นไม้ใหญ่อย่างถูกวิธี มีความสวยงาม ปลอดภัย และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและการใช้งานพื้นที่ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ กทม. เชียงใหม่ และนครราชสีมา (โครงการสายไฟใจดี)

วัฒนธรรม 

  • สนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรและแนวทางการประชาสัมพันธ์ การตลาด สำหรับโฮงเฮียนสืบสารภูมิปัญญาล้านนา เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้วัฒนธรรมล้านนาให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยว  (โครงการพัฒนาแผนการจัดการโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา)

การเกษตร 

  • เกษตรกรที่ยากจนในภาคอีสาน 29 คน สามารถเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์เพื่อเลี้ยงชีพด้วยตัวเองได้อย่างยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนของกองทุนสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ (โครงการกองทุนนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์แก้จน)
  • คนเมือง 50 คน กลับไปทำเกษตรในบ้านเกิดของตนเอง ด้วยการอบรม สนับสนุนเงินทุนและคำปรึกษาในการทำเกษตร (โครงการคนกล้าคืนถิ่น)
  • เกิดกลไกการสนับสนุนการผลิตธัญพืชและไข่อินทรีย์เพื่อเติมช่องว่างการปลูกข้าวอินทรีย์ของเกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมกับการประกันราคาและการรับซื้อ ส่งผลให้เกษตรกร 25 ครัวเรือนมีความสามารถในการผลิตอาหารอินทรีย์ที่หลากหลาย เพิ่มรายได้ สร้างความมั่นคงและความมั่นใจ ในเส้นทางการเป็นเกษตรกรอินทรีย์ (โครงการกองทุนนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์แก้จน)

หมายเหตุ : *คัดลอกจากบทความ “เกือบ 6 ปี กับผลตอบแทนที่ไม่ใช่ตัวเงินจากการลงทุนผ่าน BKIND” โดย คุณวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หากสนใจบทความฉบับเต็ม สามารถติดตามได้ที่ Facebook กองทุนรวม คนไทยใจดี

 ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของกองทุนรวมคนไทยใจดี