หลังจากที่จดทะเบียนจัดตั้งกองทุนไปได้ 15 วัน มีอะไรมาอัพเดทกันบ้าง มาดูกัน
1.) B-CHINE-EQ ในระยะแรก กองทุนบัวหลวงได้มอบหมายการบริหารการลงทุนหุ้นจีนผ่าน Outsourced fund manager โดยปัจจุบัน Outsourced manager ได้ลงทุนหุ้นจีนผ่านหน่วยลงทุน ประเภท All China Strategy เพื่อให้สอดคล้องกับธีม“จีนทั้งแผ่นดิน”ของเรา หน่วยลงทุนข้างต้นมีการลงทุนหุ้นจีน as of 28 ก.พ.18 ดังนี้
- หุ้นจีน A-Shares 50% (Shanghai 26% Shenzhen 18% Shenzhen ChiNext 6%) เช่น China International Travel, Bank of Ningbo, Angel Yeast, Han’s Laser Technology, Midea Group
- หุ้นจีน H-Shares 42% เช่น Tencent Holdings LTD, China Merchants Bank
- หุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ 8% เช่น Alibaba
2.) พอร์ตลงทุนปัจจุบันมี หุ้น 50 บริษัท ฐานะการลงทุน (Exposure) จะเน้นธุรกิจอีคอมเมิร์ส, Mobile Payment, สินค้าอุปโภคบริโภค, สินค้าแบรนด์แนม, Cloud, Artificial Intelligence, Data Analytic, การท่องเที่ยวออนไลน์, เฮลธ์แคร์ ครอบคลุมทั้ง Large cap to Small Cap
3.) หุ้นในพอร์ตลงทุนปีนี้ มีโอกาสเติบโตได้ถึงสองแนวทาง กล่าวคือ
- ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (คาดว่าปีนี้ 2018 จะโตได้ระดับ 15-18% ต่อปี)
- การปรับประมาณการณ์ขึ้น (Re-rating) ของตลาดในระยะสั้น เนื่องจากผู้จัดการกองทุนเลือกจากโอกาสเติบโต (Growth) ของกำไรในระยะ 2-3 ปีเทียบกับค่า P/E ทำให้หุ้นที่ลงทุนมีโอกาสปรับตัวขึ้น (Re-rating) จากการกระแสที่ตลาดกลับมาให้ความสนใจได้อีกทาง
4.) ตั้งแต่ B-CHINE-EQ จัดตั้งกองทุนวันที่ 9 มี.ค.18 ถึงวันที่ 27 มี.ค.18 ผลตอบแทนลดลง -3.312% ซึ่งอยู่ระหว่าง ดัชนี CSI300 ที่สะท้อนหุ้น A-Shares ซึ่งลดลง -6.54% และดัชนี Hang Seng ที่สะท้อนหุ้น H-Shares ซึ่งลดลง -3.56% จากประเด็นข่าวสงครามการค้าจีนกับสหรัฐ
5.)ผู้จัดการกองทุนมองว่าโอกาสเกิดสงครามการค้าแบบเต็มรูปแบบมีจำกัด ดัชนีที่ลดลงเป็นเพียง Noise ระยะสั้น มาตรการกีดกีนการค้าของสหรัฐฯก็มุ่งเป้าเพื่อเพิ่มคะแนนเสียงของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งเดือนพ.ย.นี้ อีกทั้งเสียงต่อต้านภายในพรรครีพับลิกันเองก็น่าจะเพียงพอที่จะช่วยยับยั้งมาตรการที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ
6.)หากสหรัฐฯประกาศรายชื่อสินค้าที่จะขึ้นภาษีในต้นเดือนเม.ย.ก็จะเปิดโอกาสให้จีนเข้ามาเจรจาใน 30 วัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าจีนก็พร้อมทำตามข้อเรียกร้องสหรัฐฯ เช่น การเพิ่มสินค้านำเข้า และการเปิดโอกาสให้สหรัฐฯมาลงทุนเพิ่ม ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯที่มีฐานการผลิตในจีนและอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้า ก็อาจเจรจาขอผ่อนผันการเก็บภาษีจากรัฐบาลด้วยอีกทางหนึ่ง
ที่มา: Allianz Global Investor