เมื่อถึงเวลาต้องจากกัน (ตอนที่ 2)

เมื่อถึงเวลาต้องจากกัน (ตอนที่ 2)

By… ศรศักดิ สร้อยแสงจันทร์

BF Knowledge Center

เป็นธรรมดาครับ ที่พละกำลังที่เคยมีตอนวัยหนุ่มสาวจะเริ่มถดถอยเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน

ความรู้สึกใจหายหรือเศร้าใจในเรื่องสังขารร่วงโรยจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ เราอาจกังวลใจว่าแล้วชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  แต่ผมว่าในช่วงเวลานี้น่าจะเหมาะที่จะได้ทบทวนชีวิตที่ผ่านมากับค้นหาสิ่งที่เราอยากเป็นในอนาคต มันเป็นเวลาที่เราต้องบอกลาชีวิตหนุ่มสาวแล้วก้าวเข้าสู่ช่วงชีวิตใหม่ที่มีค่าขึ้น ซึ่งกระบวนการนั้นเราต้องสลัดทิ้งภาพลักษณ์และตัวตนแบบเดิมและสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมา

สนุกสนานกับการเดินทางของชีวิต

อายุที่มากขึ้นไม่ควรเป็นเหตุให้จิตใจเราเหี่ยวเฉาลง การเสื่อมถอยทางกายภาพสามารถเป็นแรงกระตุ้นที่จะพัฒนาตัวเองได้ สิ่งที่ท้าทายก็คือการไม่ยอมแพ้และอย่าไปหลงคิดว่าชีวิตเราสิ้นสุดไปแล้วตามร่างกายที่เสื่อมลง อย่าปล่อยตัวให้เสื่อมโทรมเกินความเป็นจริง ทำตัวให้มีชีวิตชีวาแต่ไม่จำเป็นต้องถึงกับใส่วิกผมเจ็ดสีก็ได้นะครับ รักษาสุขภาพให้ดี ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย พบหมอและตรวจสุขภาพเป็นระยะ

ที่สำคัญก็คือ จงจำไว้ว่าตัวตนที่แท้จริงข้างในของเรายังเหมือนเดิมถึงแม้รูปกายเราเปลี่ยนแปลงไปตามวัย

เราคือใคร

ตลอดชีวิต เราถูกนิยามความเป็นเราจากสิ่งที่เราทำ เช่นอาชีพ เป็น หมอ ตำรวจ นักการเมือง นายธนาคาร นักกิจกรรม  นักอนุรักษ์สัตว์ป่า อาสาสมัครกู้ภัย  หรือหากแยกตามความผูกพันก็เช่นเป็น พ่อ ลูก หลาน ปู่ ย่า ฯลฯ

การเปลี่ยนแปลงสถานะใดๆ อาจสร้างความลำบากใจหรือความสับสนในชีวิต เช่น ก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการหรือหัวหน้าที่อาจทำให้ต้องห่างเหินเพื่อนร่วมงาน หรือทำตัวไม่ถูกเมื่อกลายเป็นพ่อแม่คน คนที่มีตัวตน อำนาจ บารมี จากตำแหน่งหน้าที่ มักต้องรู้สึกสูญเสียอย่างรุนแรงถ้าต้องหมดบทบาทหรือออกจากตำแหน่งนั้นตามวาระและเหตุอื่นใด

เราต้องมีวิธีจัดการกับความรู้สึกนึกคิดของเราต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นครับ

เราอาจมีบทบาทหน้าที่ที่ต้องแบกรับอยู่มากมาย จนบางครั้งเราก็รอคอยวันเกษียณที่จะได้ทำสิ่งง่ายๆ ไม่กี่อย่างที่เรารักจริง ชอบจริง แม้เราไม่สามารถถอยหลังกลับเป็นมีบทบาทเดิมได้ แต่เราก็อ้าแขนรับบทบาทใหม่ของชีวิตในวัยนี้ได้ครับ

ก้าวข้ามให้พ้นอุปสรรค

ความสูญเสียที่ใหญ่หลวงอาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเมื่อ การสูญเสียเพราะโรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุ การสูญเสียคนที่รัก ญาติสนิทมิตรสหาย อาจทิ้งรอยแผลในจิตใจเรา แต่แง่งามของความสูญเสียคือน้ำจิตน้ำใจของคนใกล้ชิดและความห่วงใยที่หลั่งไหลเพื่อโอบอุ้มเราในห้วงยามแห่งความทุกข์ทน