โดย…รุ่งนภา เสถียรนุกูล
กองทุนบัวหลวง
ขยะพลาสติก ถือได้ว่า เป็นปัญหาระดับโลก ในหลายๆ ประเทศต่างพยายามในการลดและเลิกการใช้พลาสติกลง อย่างในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีมาตรการในการควบคุมการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก (Plastic Ban Policy) โดยออกมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การห้ามแจกถุงพลาสติกในแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้ามใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายไม่ได้ในธุรกิจจัดส่งอาหารออนไลน์ในเมืองใหญ่ อย่างกรุงปักกิ่ง ก่อนที่จะขยายผลครอบคลุมเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศ เช่นเดียวกับหลายประเทศในสหภาพยุโรปที่ออกกฎห้ามผลิตและใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ได้แก่ ช้อน ส้อม มีด ตะเกียบ จาน หลอด ก้านทำความสะอาดหู แท่งคนเครื่องดื่ม ก้านลูกโป่ง กล่องโฟม และผลิตภัณฑ์ที่ผสมสาร OXO (พลาสติกไม่ย่อยสลายทางชีวภาพ) ซึ่งผลจากการที่รัฐออกกฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวด ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้นโยบายและลดการใช้พลาสติกลงอย่างมาก
สำหรับประเทศไทยนั้น ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ในช่วงก่อนเกิด Covid-19 มีปริมาณขยะพลาสติกเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ล้านตันต่อปี แต่หลังจากที่มี Covid-19 ปริมาณขยะพลาสติกไม่ได้ลดน้อยลงไป ทั้งยังกลับมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2562 คนไทยสร้างขยะพลาสติกเฉลี่ย 96 กรัม/คน/วัน แต่ในปี 2563 การสร้างขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นกว่า 40% เฉลี่ยมาอยู่ 134 กรัม/คน/วัน โดยหลักๆ ขยะพลาสติกที่เพิ่มขึ้นมานั้น มาจากการที่คนหันมาใช้บริการสั่งอาหาร Delivery เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในการส่งอาหารในแต่ละครั้ง จะทำให้เกิดขยะพลาสติกไม่น้อยกว่า 5 ชิ้น ได้แก่ ถุงพลาสติก กล่องพลาสติกใส่อาหาร ซองพลาสติกที่แยกชนิดอาหาร แก้วพลาสติกใส่เครื่องดื่ม ช้อนและส้อมพลาสติกพร้อมซองใส่ หรือซองใส่เครื่องปรุงรส
โดยรายงานจากสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาฯ ระบุว่า ปริมาณขยะพลาสติกในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2563 เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ถึง 62% ทั้งยังเป็นขยะพลาสติกที่นำไป Recycle ได้น้อย เพราะส่วนมากเป็นขยะถุงพลาสติกหูหิ้ว ถุงร้อนใส่อาหาร กล่องโฟมใส่อาหาร ขวดและแก้วน้ำพลาสติก โดยสถาบันยังคาดการณ์อีกว่า ปริมาณขยะพลาสติกจากธุรกิจจัดส่งอาหารออนไลน์ภายใน 4 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2568) จะเพิ่มขึ้นถึงกว่า 2,325–6,395 พันล้านชิ้นต่อปี
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงก้าวขึ้นมาได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์และอุปกรณ์เครื่องใช้ในการบริโภคอาหาร ก็เป็นหนึ่งแนวคิดที่ได้รับความนิยมมาก หลายบริษัทให้ความสำคัญกับการลดใช้พลาสติกประเภทครั้งเดียว (Single-Use Plastics) และใช้วัสดุจากชีวภาพเข้ามาทดแทน ส่งผลให้พลาสติก PLA ได้รับความสนใจและถูกนำมาใช้เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะยังมีปัญหาเรื่องราคาต้นทุนต่อหน่วยที่สูงกว่าพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง ซึ่งพลาสติก PLA มีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีความใส ถึงแม้ว่าจะไม่ย่อยสลายในสภาพแวดล้อมทั่วไป แต่สามารถย่อยสลายได้เองเมื่อนำไปฝังกลบในดิน
พลาสติก PLA หรือ Polylactic Acid เป็นพลาสติกชีวภาพสามารถย่อยสลายได้ วัตถุดิบที่ใช้การผลิตจะมาจากธรรมชาติ ได้แก่ อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ออกมาเป็นเม็ดพลาสติกชีวภาพ PLA และนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตพลาสติก PLA ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์จากพลาสติก PLA ที่มีขายส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ยังคงเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก คือ สหรัฐอเมริกา ที่ผลิตและจำหน่ายแบบบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูปและเม็ดพลาสติก ซึ่งความต้องการใช้พลาสติกชีวภาพนี้จะมีแนวโน้มสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเรื่องของบรรจุภัณฑ์กินได้ ที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นนวัตกรรมใหม่และได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถย่อยสลายได้เร็วและช่วยแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก ยกตัวอย่าง เช่น บริษัท NOTPLA ในประเทศอังกฤษ ออกผลิตภัณฑ์ ชื่อ Ooho ที่เป็นแคปซูลบรรจุของเหลวไว้ในฟิล์มกันน้ำที่ทำจากสาหร่ายทะเล ซึ่งบรรจุภัณฑ์นี้ สามารถใช้บรรจุเครื่องดื่มและซอส โดยสามารถบริโภคเครื่องดื่มพร้อมทั้งบรรจุภัณฑ์ได้ หรือสามารถที่จะย่อยสลายได้ภายใน 4-6 สัปดาห์ หรือ Mogu Cup ซึ่งเป็นถ้วยใส่อาหาร พัฒนาโดยบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มรายใหญ่ในญี่ปุ่นอย่าง Asahi Breweries Ltd. และบริษัท Marushige ซึ่งมีประสบการณ์ในการผลิตภาชนะและตะเกียบกินได้
วัตถุดิบหลักของถ้วยที่พัฒนาในครั้งนี้ มาจากแป้งมันฝรั่งที่ปลูกในญี่ปุ่นและอบในอุณหภูมิสูงเพื่อให้ถ้วยอยู่ทรงแข็งแรง ส่วนในประเทศไทย ก็คิดค้นบรรจุภัณฑ์อาหารกินได้แล้วเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ฟิล์มห่ออาหารจากแครอท หลอดกินได้จากพืชตามธรรมชาติ กระดาษห่อลูกอมจากข้าว เป็นต้น ซึ่งบางผลิตภัณฑ์ได้ผลิตออกมาจำหน่ายแล้วในท้องตลาด แต่บางผลิตภัณฑ์ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาวิจัยและพัฒนาก่อนผลิตขายในเชิงพาณิชย์
กระแสของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคมีความตระหนักต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้หลายบริษัทต่างพัฒนา ค้นคว้า ริเริ่มสร้างสรรค์ หาวิธีพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นพลาสติกชีวภาพใหม่ๆ เพื่อทดแทนการใช้พลาสติกแบบที่ใช้แล้วทิ้ง ในระดับราคาที่รับได้ในธุรกิจทั่วไป กระแสความนิยมนี้ ก่อให้เกิดเป็น New S Curve ใหม่ให้กับหลายบริษัท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับโลกมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาต่อเนื่อง