OPEC+ เดินหน้าเพิ่มผลิตน้ำมันเม.ย.นี้ รับสถานการณ์โลกซับซ้อนกระทบกำหนดนโยบาย

OPEC+ เดินหน้าเพิ่มผลิตน้ำมันเม.ย.นี้ รับสถานการณ์โลกซับซ้อนกระทบกำหนดนโยบาย

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส (OPEC+) มีมติเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันตามแผนในเดือนเม.ย. โดยเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตครั้งแรกนับจากปี 2022

มติดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการประชุมร่วมกันของสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัส รวม 8 ประเทศเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) ซึ่งจากการคำนวณของรอยเตอร์ คาดว่า ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้น 138,000 บาร์เรลต่อวัน

โอเปก ระบุในแถลงการณ์ว่า “การปรับเพิ่มกำลังการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ อาจระงับ หรือปรับเปลี่ยนได้  ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ซึ่งความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายจะช่วยให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรักษาเสถียรภาพในตลาดต่อไปได้”

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 70-82 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ท่ามกลางการคาดการณ์ถึงแนวโน้มที่อาจจะเปลี่ยนแปลงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน รัสเซีย และเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก รวมถึงมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันลดลง

ในช่วงที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันโอเปกรอบใหม่ เพื่อให้ราคาน้ำมันลดลง หลังจากที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนที่ 82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเดือนม.ค. หลังจากที่อดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน คว่ำบาตรรัสเซีย ก่อนที่ราคาน้ำมันจะลดลงท่ามกลางความหวังว่า ทรัมป์จะสามารถผลักดันให้ข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนบรรลุผล ซึ่งจะช่วยเพิ่มการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย  อย่างไรก็ตาม แผนการของทรัมป์ที่ต้องการลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และการยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนในการดำเนินการน้ำมันในเวเนซุเอลาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ราคาน้ำมันไม่ขยับลง

แหล่งข่าวจากโอเปกพลัส กล่าวว่า ปัจจัยทั้งบวกและลบที่ส่งผลต่อตลาดน้ำมัน ทำให้การตัดสินใจนโยบายการผลิตในเดือนเม.ย. มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ แผนการขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลกของทรัมป์อาจสร้างความซับซ้อนมากขึ้นต่อแนวโน้มราคาน้ำมันในอนาคต

ทั้งนี้ โอเปกพลัสได้ลดการผลิตน้ำมันลง 5.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 5.7% ของอุปทานน้ำมันโลก โดยทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาตั้งแต่ปี 2022 เพื่อพยุงตลาดน้ำมัน

โดยในเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา ยังได้ขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตครั้งล่าสุดออกไปจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่งผลให้แผนกลับมาเพิ่มการผลิตเลื่อนออกไปเป็นเดือนเม.ย. หลังจากเลื่อนมาหลายครั้งในปีที่ผ่านมา

ที่มา: รอยเตอร์