US healthcare update
“Medicare-for-all”
ราคาหุ้นในกลุ่มโกลบอลเฮลธ์แคร์เผชิญแรงกดดัน จากข้อเสนอ Medicare-for-all ของพรรคเดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากใน House of representative (สภาล่าง) สหรัฐฯ
ตลาดมีแนวโน้มว่าจะสนใจ/ไม่ใยดี (Punished) กับราคาหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในกลุ่มผู้ให้บริการทางการแพทย์ (sub-sector: Healthcare service) ในหมวดประกันสุขภาพ เพราะหากข้อเสนอได้ผ่านร่างออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้เมื่อไร่ ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทเอกชนผู้ให้บริการด้านประกันสุขภาพจะถูกแทนที่โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ในฐานะผู้ให้บริการสุขภาพพื้นฐานที่ครอบคลุมชาวอเมริกันทุกคน
ปัจจัยนี้จะทำให้อุปสงค์/หรือความต้องการทำประกันกับบริษัทเอกชนลดลงอย่างรุนแรง เพราะผู้รับประกัน (Issuer) จะไม่มีส่วนร่วมในประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานเลย
Wellington Management มองว่า โอกาสที่ “Medicare-for-All” จะผ่านเป็นไปได้น้อย จากเหตุผลดังนี้
- ด้านต้นทุน – เป็นข้อเสนอที่ไม่มีการระบุถึงงบประมาณของค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ แม้ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Mason and Emory ได้ระบุต้นทุนของโครงการนี้อยู่ระหว่าง 24-30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลา 10 ปี แต่ก็ยังไม่นับรวมต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ที่ยังไม่มีการประเมินที่ครอบคลุมในส่วนนี้ ปัจจุบัน กลุ่มเฮลธ์แคร์มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯเนื่องจากสร้างงานให้กับชาวอเมริกันถึง 20 ล้านคน กลุ่มเฮลธ์แคร์ยังเป็นเครื่องยนต์หลักให้กับประเทศในช่วงที่เผชิญกับวัฏจักรเศรษฐกิจถดดอย (Recession) ถึง 2-3 ครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดๆอย่างมีนัยยะ จะทำให้กระทบกระเทือน/สร้างความเสี่ยงให้กับกลุ่มประกันสุขภาพและภาพรวมเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็น
- เงื่อนไขที่จะตามมา – การมองผิวเผิญว่าผ่านร่างกฏหมายนั้นตื้นเกินไป การปฏิบัติได้จริงสำคัญกว่า สิ่งที่ยากที่สุดคือการยกเครื่องระบบเฮลธ์แคร์สหรัฐฯใหม่หมด ซึ่งในความเป็นจริงแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะการผ่านร่างกฏหมายแม้พรรคเดโมแครตจะเสนอร่างขึ้นไปนั้น ร่างดังกล่าวต้องใช้เสียงโหวตอย่างน้อย 60 เสียง กระนั้นก็ตามพรรครีพลับบลีกันยังมีเสียงที่เหนือกว่าพรรคเดโมแครตอยู่ 3 เสียงอยู่ดี
- ประชาชนไม่สนับสนุน – ผลสำรวจจาก Kaiser Family Foundation ที่ได้สุ่มถามผู้ใหญ่ชาวอเมริกันจำนวน 1,190 คน โดยสอบถามว่า “Would you favor or oppose a national Medicare-for-all play if you heard it would eliminate private health insurance company? 58% ตอบ ไม่เอาด้วยกับ Medicare-for-all
มุมมองทางด้านการลงทุน
- Sentiment ตลาดจะยังคงเป็นลบในระยะสั้น เพราะจะมีวาทะกรรมที่ทั้งสองพรรคการเมืองนำมาใช้ถึงจนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า 2020 ดังนั้น ราคาหุ้นในกลุ่มนี้จะทวีความผันผวนสูงขึ้นในระยะเวลา 12-24 เดือนข้างหน้า หมายความว่า ในอีก 12-24 เดือนข้างหน้า ผู้ที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้จะเผชิญกับความผันผวนที่สูงขึ้น โดยส่วนใหญ่มาจากด้าน Sentiment มากกว่าด้านปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) ดังนั้น แม้ว่าระดับมูลค่า Valuation ตอนนี้จะน่าสนใจ นักลงทุนควรตระหนักว่าด้าน Sentiment อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก
- นักลงทุนที่เล็งเห็นโอกาส/ชื่นชอบหุ้นกลุ่ม Mega-Trend นี้ ควรใช้ห้วงเวลานี้ในการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (Dollar cost averaging) เพราะเชื่อว่าในระยะยาวเฮลธ์แคร์ยังไปต่อได้จาก นวัตกรรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประชากรสูงวัยสหรัฐฯ อุปสงค์ของตลาดโลกต่อตัวยาและการรักษาตามแนวทางของชาติตะวันตก