Whisky บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ดื่ม ด้วยขั้นตอนการหมักที่พิถีพิถัน ผนวกกับเอกลักษณ์เฉพาะของรสชาติ กลิ่น และสัมผัสของแต่ละแบรนด์ ทำให้ Whisky ครองใจนักดื่มทั่วโลกได้ไม่ยาก นอกจากรสและสัมผัสที่ล้ำเลิศแล้ว Whisky ยังสร้างผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำให้แก่ผู้ครอบครองอีกด้วย จึงทำให้ Whisky ถูกขนานนามว่าเป็น “Liquid Gold”
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า Whisky ที่มีอายุเก่าแก่ กลายเป็นสินค้ายอดนิยมของเหล่านักลงทุน ต้องตามล่าหามาไว้ในครอบครอง โดยเฉพาะนักสะสมชาวเอเชีย ที่พร้อมทุ่มเงินไม่อั้น ทำให้ราคา Whisky หายาก ทะยานขึ้นต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าไม่มีทีท่าที่จะร่วงลงง่ายๆ
ยิ่งขวดไหนมีความพิถีพิถันในการผลิต มีแพ็คเกจจิ้งที่หรูหรา และมีประวัติความเป็นมาของแหล่งกำเนิดที่น่าสนใจ ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้บรรดานักสะสมอยากมีไว้ในครอบครอง ส่งผลให้มูลค่าของ Whisky ขวดนั้นๆ เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จึงไม่แปลกที่จะมีกองทุนที่ลงทุนใน Whisky อย่างจริงจัง โดยกองทุนแรกของโลกคือ The Single Malt Fund ที่เลือกลงทุนเฉพาะ Whisky หายาก และมีจำนวนจำกัดเท่านั้น
ส่วน Whisky ที่สร้างสถิติราคาสูงสุดในโลกตอนนี้ คือ Cask Whisky จากยี่ห้อ Macallan ปี 1987 ด้วยกรรมวิธีการบรรจุขวดที่ส่งตรงมาจากถัง โดยไม่มีการผสมปนเปกับน้ำ หรือ Whisky ชนิดอื่น ผนวกกับกรรมวิธีการบ่มแบบเฉพาะของแบรนด์นี้ ทำให้ราคาประมูลที่ Spink auction house ในฮ่องกง เมื่อเดือนตุลาคม 2017 แตะ 375,064 ดอลลาร์ พุ่งขึ้น 50% จากสถิติเดิม 251,864 ดอลลาร์
ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุน โดยอ้างอิงดัชนีที่คำนวนจากมูลค่าสูงสุด จำนวน 1000 Single Malts ของโลก ที่เรียกว่า RW Apex 1000 เพิ่มขึ้นเกือบ 28% จากปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นถึง 370% นับตั้งแต่ปี 2010
ด้วยราคาที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ Whisky ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มมึนเมาอีกต่อไป แต่อาจจะกลายเป็นทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ทองคำ หรือไวน์ ก็เป็นได้