F5 เน็ตเวิร์กส์ เผยผลสำรวจ “สถานะการนำเสนอแอพพลิเคชันประจำปี 2561” (2018 State of Application Delivery report) จากความคิดเห็นของลูกค้าทั่วโลกชี้ว่าการใช้มัลติ-คลาวด์ช่วยให้องค์กรสามารถเลือกแพลตฟอร์มคลาวด์จากค่ายต่างๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานแอพพลิเคชัน ในแต่ละแอพได้มากที่สุด
แม้ว่าจะมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในแง่การบริหารจัดการ ที่อาจก่อให้เกิดการคุกคามแต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าองค์กรต่างๆ จะชะลอการนำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมาปรับใช้ในธุรกิจ
นอกจากนี้แอพพลิเคชันยังกลายเป็นสิ่งใหม่ที่ใช้งานกันทั่วไปในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยในยุคที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ผู้ประกอบการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ และแอพพลิเคชันได้เปลี่ยนวิธีการปฏิสัมพันธ์ของคนในภูมิภาคเอเชียกว่า 4 พันล้านคน
รายงานสถานะการนำเสนอ แอพ ปีนี้ชี้ให้เห็นว่า ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ส่งผลต่อธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างไร องค์กรธุรกิจต่างมุ่งวางรากฐานเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้แอพพลิเคชัน ของตน ที่มอบทั้งความรวดเร็ว ชาญฉลาดและปลอดภัยมากขึ้น
ในรายงานผลสำรวจประจำปีที่ 4 นี้ F5 ได้ทำการสอบถามถึงบทบาทสำคัญของแอพพลิเคชันเซอร์วิสที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ ใช้แอพได้รวดเร็วขึ้น สมาร์ทขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น จากมืออาชีพด้านแอพพลิเคชัน ระบบเครือข่ายและไอทีกว่า 3,000 คน รวมทั้งมืออาชีพด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่เรียกว่า security pros จากทั่วโลกซึ่งได้ให้คะแนนในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวกับการนำเสนอแอพพลิเคชันตั้งแต่หัวข้อพับลิกและไพรเวตคลาวด์ และการปรับใช้มัลติ-คลาวด์ หัวข้อความท้าทายด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น การใช้ระบบอัตโนมัติและการทำงานให้สอดประสานทั้งหมดทุกสภาพแวดล้อม และหัวข้ออนาคตแอพพลิเคชันเซอร์วิสที่องค์กรต้องการ
69% ของผู้ตอบแบบ สำรวจในเอเชีย-แปซิฟิก ให้ ความเห็นว่า การพัฒนาโครง สร้างพื้นฐานด้านไอทีและการปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดยังคงเป็นส่วนขับเคลื่อนสำคัญประการแรกๆ ในการ พัฒนารูปแบบธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หรือดิจทัลทรานส์ฟอร์เมชัน
ในขณะที่กว่าครึ่ง (51%) ตอบว่าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันกระตุ้นให้เกิดการส่งมอบแอพจากคลาวด์ ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 44% ตอบว่ากำลังเปลี่ยนรูปแบบ การพัฒนาแอพ และจำนวน 37% รายงานว่า กำลังสำรวจสถาปัตยกรรมของแอพใหม่ๆ อาทิ คอนเทนเนอร์และไมโครเซอร์วิสเซส