“ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟน 1 เครื่องทั่วโลก จะเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี ระหว่างปี ค.ศ.2020-2025 จากจำนวนผู้ใช้ 5G ที่เพิ่มขึ้น”
ขณะที่ กองทุนหลัก Fidelity Global Technology Fund มีฐานะการลงทุนในธีม 5G มาโดยตลอด
รายงานจากอีริคสัน โมบิลิตี้ รีพอร์ต คาดว่า จำนวนผู้ใช้งาน 5G ทั่วโลกสิ้นปีนี้แตะ 190 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,800 ล้านคน ในอีก 5 ปี
ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย จะใช้เทคโนโลยีเซลลูลาร์ผ่าน 5G เติบโตมากที่สุด
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทำให้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตของคนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไป โดยปริมาณการรับส่งข้อมูลบนเครือข่าย เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ใช้งานในย่านธุรกิจไปสู่การใช้งานในย่านที่อยู่อาศัยหรือชุมชนอย่างรวดเร็ว
ภูมิภาคอาเซียน จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของการใช้งานเร็วที่สุด ภายในปี ค.ศ. 2025 ปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟนในภูมิภาคอาเซียนจะเพิ่มเป็น 25 เอกซ์ตราไบต์ต่อเดือน จากเดิมที่ 3.2 เอกซ์ตซาไบต์ต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้น 40% อย่างไรก็ดี เทคโนโลยี LTE หรือ 4G จะยังคงเป็นเทคโนโลยีหลักในการสื่อสารไปอีก 3-4 ปี
ระหว่างปี ค.ศ. 2022-2025 จะเกิดการเปลี่ยนถ่ายจาก 4G ไปสู่ 5G อย่างมีนัยสำคัญ จนกระทั่งปี ค.ศ.2025 การใช้งาน 5G จะเป็น 50% ของการใช้งานโครงข่ายไร้สายทั่วโลก
ผลวิจัยล่าสุดจากอีริคสัน คอนซูเมอร์แล็บ ที่ได้ไปสำรวจความคิดเห็นจาก 11 ประเทศทั่วโลกที่มีการใช้เทคโนโลยีไอซีทีอย่างมีนัย ระบุว่า
1) 75% ระบุว่า เครือข่ายข้อมูลที่มีประสิทธิภาพทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่ติดขัด คือ หัวใจหลักให้ช่วยก้าวผ่านช่วงวิกฤติการระบาดของไวรัส
2) 60% เชื่อว่า การทำงานนอกสถานที่จะเป็นบรรทัดฐานใหม่ของคนในสังคม
3) 50% ระบุว่า โดรนส่งสินค้าและรถยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติ จะเข้ามาแทนที่คน
4) 33% มีแผนลงทุนใน 5G เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของบรอดแบรนด์สำหรับการใช้งานที่บ้านไว้เพื่อเตรียมรับมือ หากเกิดการระบาดของไวรัสระลอกที่ 2
5) ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ จะใช้บริการที่ปรึกษาสุขภาพออนไลน์เพิ่มขึ้นจากเดิม 6 เท่าจากสิ้นปีค.ศ. 2019
6) ผู้ใช้งานเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง (Virtual Reality) จะเพิ่มเวลาใช้งานให้กับเทคโนโลยีด้านนี้ภายหลังการมาของ 5G
กราฟ: กองทุนหลัก Fidelity Global Technology Fund ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากธีม 5G เช่น บริษัท Marvell Technology บริษัท Samsung บริษัท Ericsson