กองทุนบัวหลวงพร้อมเสนอขาย SSF 2 กองใหม่ วันที่ 15-21 ก.ค.นี้ ชู B-FUTURESSF เป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการเติบโตไปกับสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม

กองทุนบัวหลวงพร้อมเสนอขาย SSF 2 กองใหม่ วันที่ 15-21 ก.ค.นี้ ชู B-FUTURESSF เป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการเติบโตไปกับสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม

  • กองทุนบัวหลวงเสนอขาย IPO กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) 2 กองใหม่ วันที่ 15-21 กรกฎาคม 2563 นี้ ได้แก่ B-FUTURESSF และ B-INCOMESSF
  • B-FUTURESSF สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการคว้าโอกาสเติบโตไปพร้อมสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม  ส่วน B-INCOMESSF เหมาะเป็นทางเลือกให้ผู้ที่อยากกระจายการลงทุนอย่างรอบคอบ
  • ผู้ลงทุนมอบความไว้วางใจให้กองทุนบัวหลวงดูแลเงินลงทุนใน RMF-LTF-SSF กว่า 1.75 แสนล้านบาท

นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) 2 กองใหม่ 2 สไตล์ ระหว่างวันที่ 15-21 กรกฎาคม 2563 นี้ ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นฟิวเจอร์เพื่อการออม (B-FUTURESSF) สำหรับผู้ลงทุนที่มองเห็นโอกาสไปพร้อมกับการเติบโตจากการลงทุนในสินค้าและบริการที่นำนวัตกรรมมาปรับใช้รองรับแนวโน้มการบริโภคในอนาคต พร้อมด้วยกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัมเพื่อการออม (B-INCOMESSF) ทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากกระจายการลงทุนอย่างรอบคอบ โดยเสนอขายในราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน

คุณวศิน วัฒนวรกิจกุล

“หากต้องการออมเงินระยะยาว การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้ โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นผลพลอยได้ด้วย สำหรับผู้ลงทุนสามารถเลือกกองทุน SSF ได้หลากหลายสไตล์ ส่วนจะเลือกแบบไหนไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ แต่ว่าอยู่ที่มุมมอง ขณะเดียวกันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่อยู่ที่วินัยและการเตรียมพร้อม ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ ก็มีโอกาสไปถึงเป้าหมายมากขึ้น ทั้งนี้ กองทุนบัวหลวงพร้อมใช้ประสบการณ์บริหารเงินลงทุนเพื่อการออมในระยะยาว ดูแลเงินให้ผู้ลงทุนทุกท่าน” นายวศิน กล่าว

จากข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ผู้ลงทุนมอบความไว้วางใจให้กองทุนบัวหลวงช่วยดูแลเงินลงทุนระยะยาวให้ ทั้งกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) รวมเม็ดเงินกว่า 175,905 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27% ของเงินลงทุนในกองทุน RMF LTF และ SSF ของทั้งอุตสาหกรรม

กองทุน B-FUTURESSF จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในต่างประเทศ ในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มการบริโภคในอนาคต ที่นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่เห็นโอกาสการเติบโตจากนวัตกรรมสินค้าและบริการ โดยที่ผ่านมา B-FUTURE ทำผลการดำเนินงานได้เป็นที่น่าพอใจ

ขณะที่ B-INCOMESSF จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) โดยไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล กองทุนนี้เป็นกองทุนผสมที่จะกระจายลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีหลากหลายประเภท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับเงื่อนไขการใช้วงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษี SSF ปกตินั้น ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับวงของเงินลงทุนเพื่อเกษียณอื่นๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน B-FUTURESSF และ B-INCOMESSF หรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและคู่มือการลงทุนได้ที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ตัวแทนขายของกรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส บมจ.หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ ภัทร บจ.หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรี และ บจ.หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา บจ.หลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

กองทุนบัวหลวง
14 กรกฎาคม 2563