By…เมธา พีรวุฒิ
BF Knowledge Center
เวียดนามถือว่าเป็นประเทศเนื้อหอมที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก ด้วยแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี 2550 จนปัจจุบัน เวียดนามสามารถก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตหลักของแบรนด์ดังต่างๆมากมาย
หากเอ่ยถึงสินค้า “Made in Vietnam” นั้น หลายๆท่านอาจไม่ทราบว่า โทรศัพท์มือถือซึ่งเปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 สำหรับมนุษย์ยุคสังคมอินเตอร์เนต มีการผลิตและส่งออกจากเวียดนามไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก สูงถึง 200 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา หรือมากเป็นอับดับสองของโลกรองจากประเทศจีน
โดยในบรรดานักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ในเวียดนาม บริษัทยักษ์ใหญ่จากแดนโสมขาวผู้ครองแชมป์ส่วนแบ่งทางการตลาดสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลกอย่าง “ซัมซุง” นั้นมีอิทธิพลอย่างมากในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ เพราะไม่เพียงแต่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากแบรนด์ดังกล่าวจะคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 20% ของการส่งออกทั้งประเทศ แต่ยังรวมถึงการลงทุนและการจ้างงานอย่างมหาศาลกว่า 110,000 อัตรา ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ซัมซุง ยังลงทุนสร้างโรงงานผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มใหม่ๆ เช่น หน้าจอโค้งสำหรับสมาร์ทโฟน รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แบรนด์ดังอื่นๆเอง ทั้ง แอลจี โนเกีย ออปโป ก็ล้วนแต่มีฐานการผลิตในเวียดนามแทบทั้งสิ้น ซึ่งช่วยเพิ่มบทบาทของเวียดนามในการเป็นห่วงโซ่อุปทานโลก
เบื้องหลังความสำเร็จตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ นอกเหนือจากการมีที่ตั้งยุทธศาสตร์อยู่ในภูมิภาคอาเซียนและมีชายแดนติดกับประเทศจีนที่มีการเติบโตสูงแล้ว ส่วนหนึ่งยังเกิดจากการดำเนินนโยบายที่มาถูกทางของภาครัฐ ในการพยายามสร้างปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งในส่วนของการแก้ข้อกฏหมาย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการส่งออก เช่น ถนน สนามบิน ท่าเรือน้ำลึก ควบคู่ไปกับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ผ่านการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพฝีมือแรงงานในอัตราค่าแรงที่สามารถแข่งขันได้ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนดึงดูดให้บริษัทชั้นนำ ย้ายฐานการผลิตจากประเทศอื่นมาลงทุนในเวียดนามเพิ่มมากขึ้น จนในที่สุด เวียดนามก็สามารถพลิกบทบาทมาเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมในยุคเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ที่พร้อมเติบโตไปกับกระแสโลก
ยิ่งไปกว่านั้น เวียดนามยังคงมีเสน่ห์ในการเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อในประเทศขนาดใหญ่ ด้วยประชากรกว่า 95 ล้านคนที่มีอายุเฉลี่ยเพียง 30ปี และมีศักยภาพเติบโตไปเป็นชนชั้นกลางที่มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น เหล่านี้ล้วนช่วยต่อยอดในการเติบโตและหนุนให้เวียดนามเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกต่อไปในอนาคต