กองทุนบัวหลวงเปิดตัวกองทุนใหม่ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลธีมเมติกออพพอร์ทูนิตี้ (B-GTO) ซึ่งคุณเสกสรร โตวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Product Management กองทุนบัวหลวง จะมาเล่ารายละเอียดของกองทุนนี้ให้ฟังกัน
Q : แนวคิดของการจัดตั้งกองทุน B-GTO มีที่มาอย่างไร
A : ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนที่ได้รับความสนใจจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในธีมเมติกประเภทเทคโนโลยี หรือเฮลธ์แคร์ เพราะว่าในช่วงโควิด-19 ทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีความโดดเด่นขึ้นมามาก และเราก็ยอมรับว่า เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ดังนั้นจึงให้ความสนใจไปยังหุ้นเทคโนโลยีจำนวนมาก แต่ถ้าหากเราไปดูจริงๆ จะพบว่า โลกทุกวันนี้ เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะหุ้นเทคโนโลยีเท่านั้น แต่หุ้นทั่วไปจำนวนมากก็ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมในการปรับปรุงตัวเอง ปรับเปลี่ยนธุรกิจ ขยายไลน์หรือลดไลน์ธุรกิจบางอย่าง เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในโลกยุคอนาคต
เราจะพบว่าหุ้นในทุกเซกเตอร์ ทุกอุตสาหกรรมจะมีตัวที่เป็นวินเนอร์ หรือเรียกว่าเป็นบริษัทที่พร้อมใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงกิจการตัวเองให้ยกระดับขึ้นไป ซึ่ง B-GTO ก็จะเป็นกองทุนที่เลือกลงทุนในกิจการเหล่านี้ เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่รู้จักค้นคว้า หา และใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านี้
Q : ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนนี้ไปเลือกลงทุนมีอะไรบ้าง
A : B-GTO เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเป็น Feeder Fund จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก Wellington Global Innovation Fund ซึ่งกองทุนหลักนี้ลงทุนในหุ้นหรือกิจการในเซกเตอร์ต่างๆ ที่รู้จักใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม
ถ้าเราดูหุ้นใหญ่ๆ ที่กองทุนหลักมีสัดส่วนลงทุนสูง ก็จะเห็น อาลีบาบา อัลฟาเบท เฟซบุ๊ก แต่อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีเฉพาะหุ้นกลุ่มนี้ ซึ่งถูกมองว่าคล้ายเป็นหุ้นเทคโนโลยี เพราะยังมีการลงทุนในหุ้นอีกมากมายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโดยตรง เช่น Mercardo Libre ซึ่งเป็นอี-คอมเมิร์ซใหญ่ที่อยู่ในละตินอเมริกา โดยอเมซอนแม้จะเป็นอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของโลก แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปเจาะตลาดละตินอเมริกาได้ เนื่องจากมี Mercardo Libre เป็นเจ้าใหญ่อยู่ มีฐานลูกค้าทั้งฝั่งกิจการและผู้บริโภคหนาแน่นมาก
หรือจะเป็น Nike ซึ่งก็เป็นกิจการเกี่ยวกับการออกกำลัง เราจะพบว่า ไนกี้เป็นเจ้าที่ผลิต คิดค้นนวัตกรรมใหม่ออกมา ทำให้รองเท้าวิ่งโดดเด่นมาก นักวิ่งที่ใช้ไนกี้ก็มีจำนวนมาก ไม่เฉพาะในอเมริกา แต่เป็นนักวิ่งทั่วโลก นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมี Wingstop Restaurants ร้านอาหารปีกไก่ทอดอเมริกัน ซึ่งมีสาขาแฟรนไชส์เยอะมาก มีการพัฒนาตัวเองโดยใช้นวัตกรรมรับออเดอร์สินค้า มีระบบการขาย ระบบโลจิสติกส์ที่ทำให้กิจการเติบโตมีกำไรได้ หรืออาจจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่าง Match Group ซึ่งมีแพลตฟอร์มหาคู่ชั้นนำ Tinder โดย Tinder มีนวัตกรรมในการคัดกรองคนที่น่าจะมีบุคลิกลักษณะคล้ายกัน เป็นเพื่อนกันได้
ถ้าพูดถึงเรื่องเหล่านี้ 20 ปีที่แล้วคนอาจจะไม่เข้าใจว่าจะเป็นประโยชน์อย่างไร แต่ในทุกวันนี้นวัตกรรมเหล่านี้สร้างรายได้ สร้างกำไร สร้างธุรกิจในการเติบโตได้ ด้วยแพลตฟอร์มที่ลูกค้ากับเจ้าของกิจการไม่จำเป็นต้องมาเจอกัน ทุกอย่างทำผ่านแอปพลิเคชันได้ ทำให้มีฐานลูกค้ากว้างขึ้น ถือเป็นการประยุกต์ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ของกิจการต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนยุคใหม่ ซึ่ง B-GTO ก็มีเป้าหมายอยู่ในกิจการเหล่านี้
Q : โควิด-19 ถือเป็นตัวเร่งให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นใช่หรือไม่ เกี่ยวกับกิจการที่ลงทุนในนวัตกรรม
A : กิจการที่คิดค้น หรือใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมถูกมองอยู่แล้วว่าเป็นกิจการที่น่าจะไปได้ดีในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการใช้คลาวด์ คอมพิวติ้ง ใช้แอปพลิเคชันสั่งซื้อสินค้า แต่โควิด-19 เป็นตัวเร่งที่ทำให้ภาพเหล่านี้เกิดเร็วขึ้น เร่งชัดขึ้น เพราะคนถูกจำกัด ไม่สามารถออกไปซื้อสินค้าได้ จึงต้องซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้น หรือคุยกับเพื่อน ก็ไม่สามารถออกไปหาเพื่อนใหม่ได้ จึงต้องใช้แพลตฟอร์มเป็นตัวช่วย หรือเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกิจการที่อยู่ในเป้าหมายของ B-GTO
Q : B-GTO มีความโดดเด่น แตกต่างจากกองทุนอื่นๆ ในตลาดอย่างไรบ้าง
A : ถ้าพูดถึงสไตล์การลงทุนในนวัตกรรม หลายคนจะนึกถึงภาพการลงทุนในเทคโนโลยีซ้อนเข้ามาทันที แต่ที่จริงแล้ว B-GTO ลงทุนกว้างกว่าแค่เทคโนโลยี เพราะเป็นการลงทุนในทุกเซกเตอร์
ถ้านำมาเปรียบเทียบกับกองทุนของกองทุนบัวหลวง ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) กองทุนนี้จะลงทุนโดยเน้นในหุ้นบริษัทเทคโนโลยี 70-80% เป็นการเจาะเซกเตอร์เทคโนโลยที่ชัดเจน ต่างจาก B-GTO ที่ลงทุนหลากหลายเซกเตอร์ เช่น บริการการสื่อสาร สินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนหุ้นเทคโนโลยีก็มีเช่นกัน เนื่องจากในเวลานี้เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ขนาดใหญ่ แต่ก็มีประมาณ 30-40% ส่วนที่เหลือจะกระจายไปในกิจการต่างๆ ตามที่ยกตัวอย่างมา
หากนำไปเปรียบเทียบกับ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) ก็ต้องย้อนเล่าก่อนว่า B-FUTURE มีเป้าหมายลงทุนกับกิจการที่สอดคล้องกับแนวโน้มที่เติบโตไปพร้อมกับคนรุ่นใหม่ในอนาคต ซึ่ง ปัจจุบัน B-FUTURE จะเลือกลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนที่ลงทุนในกิจการที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้แก่ กองทุน Alliancz Global Artificial Intelligence Fund รวมทั้งลงทุนในกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในจีน กองทุน Fidelity Funds – China Consumer Fund เพราะพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนจีนเปลี่ยนแปลงสอดคล้องโลกยุคใหม่ชัดเจนแล้ว และเราก็มองเห็นว่าฟินเทคคือธีมที่มา กระแสแรงสำหรับโลกอนาคต จึงลงทุนเพิ่มในกองทุน Wellinton Funtech Fund รวมทั้งมีการเลือกลงทุนในหุ้นบางบริษัทเองด้วย
จะเห็นว่า B-FUTURE เน้นชัดในบางธีมที่เห็นว่ามาแรง แต่ B-GTO จะมีการกระจายการลงทุนมากกว่าในทุกเซกเตอร์ โดยมองหาบริษัทที่ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในเซกเตอร์นั้นๆ แล้วเลือกลงทุนเพื่อรอคอยการเติบโต
Q : อยากให้ฝากถึงนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนกับกองทุน B-GTO กองทุนนี้เหมาะกับนักลงทุนกลุ่มไหน
A : ก่อนอื่นเลยต้องเป็นนักลงทุนที่เข้าใจการลงทุนในหุ้น ยอมรับความเสี่ยงเรื่องความผันผวนได้ เนื่องจากกองทุนนี้เป็นกองทุนหุ้น และหุ้นที่ลงทุนส่วนใหญ่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ดังนั้นอาจจะมีความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ กระทบบ้าง แต่ระยะยาวผลประกอบการและกำไรของบริษัทจะเป็นสิ่งที่สะท้อนราคาและผลประกอบการของกองทุนในอนาคต
โดยรวมแล้วต้องเข้าใจการลงทุนในหุ้น เข้าใจการลงทุนในต่างประเทศ รู้ว่ามีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และที่สำคัญต้องเป็นคนที่มีเงินเย็นที่ไว้ยาวเพื่อลงทุนได้อย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไป
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน B-GTO กองทุนบัวหลวงจะเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 9-16 ก.พ. 2564 นี้