หุ่นยนต์…มิตรหรือศัตรู ยังคงเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายต่างถกเถียงกัน เพราะมีทั้งฝ่ายที่เห็นว่า หุ่นยนต์ หรือระบบอัตโนมัติต่างๆ จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ และทำให้งานประจำเสร็จสิ้นในเวลารวดเร็ว แม่นยำเป๊ะกว่ามนุษย์ด้วย ส่วนอีกฝ่ายก็มองว่า พวกเขากำลังจะถูกเครื่องจักรกลเหล่านี้เข้ามาแทนที่ แย่งงาน และทำให้พวกเขาตกงานในที่สุด แต่ทว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ย่อมมีทั้งผู้ที่อยู่รอด และผู้ที่แพ้พ่ายเสมอ นั่นคือ สัจธรรม
รายงานล่าสุดจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ศึกษาผลกระทบว่า หากภาคธุรกิจนำเอไอ ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบอัตโนมัติมาใช้ กลุ่มแรงงานทักษะต่ำ จะกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไร้งานทำ หากไม่คิดที่จะปรับตัว โดยคาดว่า ภายในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยรวมถึงอาเซียน แรงงานกลุ่มนี้เสี่ยงที่จะตกงานมากถึง 140 ล้านคน
เมื่อถึงจุดที่เทคโนโลยีพัฒนาไปมาก จนทำให้ต้นทุนต่ำลง แนวคิดของเจ้าของธุรกิจย่อมเปลี่ยนไป การนำระบบอัตโนมัติมาใช้จะช่วยทำให้งานที่ซ้ำซากจำเจ แต่ต้องการความแม่นยำ รวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการตัดสินใจ จะถูกโอนถ่ายไปให้หุ่นยนต์เป็นผู้ทำแทน จากเดิมที่ใช้เวลา 1-2 วัน ในการกรอกข้อมูล หรือเช็คเอกสาร แต่ว่าเมื่อใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาจับงานนี้ก็จะช่วยย่นระยะเวลาลงเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ที่สำคัญต้องยอมรับว่า มนุษย์มีโอกาสผิดพลาดสูงกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ เมื่อพูดถึงความถูกต้องแม่นยำ แถมไม่ต้องรับมือกับอารมณ์ และความงอแง (งี่เง่า) ของพนักงานอีกด้วย
ไม่ว่าอาชีพไหนก็ร้อนๆ หนาวๆ เสี่ยงโดนหุ่นยนต์แย่งงานได้ เพราะถ้าได้ตามข่าวอยู่บ้าง ก็จะรู้ว่าเทคโนโลยีเอไอ ก้าวล้ำไปมาก สามารถวิเคราะห์ข้อมูล จัดระเบียบข้อมูล และประมวลผลแทนมนุยษ์ได้ดี ไม่ว่าคุณจะเป็นแรงงานไร้ฝีมือ หรือมีทักษะ อย่างนักบัญชี นักวิเคราะห์การเงิน นักข่าว หรือแม้กระทั่งคนขับรถก็ถูกทดแทนด้วยเอไอได้ไม่ยาก
แล้วอย่างนี้ เราจะอยู่รอดในยุคที่เทคโนโลยีครองเมืองได้อย่างไร การเตรียมความพร้อมพัฒนาทักษะ ปรับตัวและรู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ย่อมจะส่งผลดี เพราะงานที่ต้องวิเคราะห์เชิงลึก มีความซับซ้อน งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ งานที่ต้องวิพากษ์ วิจารณ์ หรืองานที่ต้องใช้การตัดสินใจเด็ดขาด ยังคงเป็นเรื่องที่หุ่นยนต์ไม่สามารถแทนมนุษย์ได้