ลงทุนเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตระยะยาว กับ B-GTORMF และ B-FUTURERMF

ลงทุนเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตระยะยาว กับ B-GTORMF และ B-FUTURERMF

สรุปความสัมภาษณ์

คุณ มทินา วัชรวราทร, CFA®
AVP, Portfolio Management
กองทุนบัวหลวง

กองทุนบัวหลวงเตรียมออกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) 2 กองทุนด้วยกัน คือ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลธีมเมติกออพพอร์ทูนิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (B-GTORMF) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นฟิวเจอร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (B-FUTURERMF) เสนอขายครั้งแรก 21-27 เม.ย. 2564 ซึ่งวันนี้เราจะมีอธิบายให้นักลงทุนทราบกันว่า ทั้ง 2 กองทุนนี้ มีจุดเด่นอย่างไร และจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตระยะยาวได้อย่างไรบ้าง

Q : ทำไมนักลงทุนจำเป็นต้องมี 2 กองทุนนี้ในพอร์ต

A : กองทุนนี้ออกมาในเวลาที่เหมาะสมมากๆ กองทุนที่เราจะเลือกมาอยู่ในพอร์ต RMF ของเรา ต้องเป็นกองทุนที่อยู่ในเทรนด์ระยะยาว และเมกะเทรนด์ ซึ่งที่กล่าวมานี้ ก็หนีไม่พ้น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี

ทั้งนี้ เราอยากจะชี้ให้เห็นว่า Future is faster than you think คือ อนาคตมาเร็วกว่าที่เราคาด ปัจจุบันการปรับใช้เทคโนโลยีมาเร็วและกว้างขวางกว่าที่เราคิด หรือกว่าอดีตที่เคยเป็นมา

ตัวอย่างเช่น คนอเมริกันคิดค้นโทรทัศน์ ใช้เวลามากกว่า 30 ปี กว่าที่จะทำให้ประชากร 25% ใช้งาน แต่เดี๋ยวนี้ สมาร์ทโฟนใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี อาจจะมีประชากรใช้งานเกิน 25% ไปแล้ว การปรับใช้ถือว่ารวดเร็วและกว้างขวาง

ด้วยเหตุนี้ จึงมองว่า Theme ที่ควรจะนำมาอยู่ในพอร์ตลงทุนระยะยาว ต้องเป็น ดังนี้

  1. Theme ที่มีการเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
  2. มีการปรับใช้ ยังค่อนข้าง underestimate หรือมีการประเมินที่ต่ำเกินไป
  3. Theme นี้ ต้องถูกสนับสนุนโดยเมกะเทรนด์
  4. สามารถใช้ได้ทั่วโลก และน่าจะอยู่กับเราไปอีกนาน

Q : AI จะมีส่วนในอนาคตของเราอย่างไร 

A : สำหรับ AI จะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงโลกเป็นอย่างมาก โลกเราเปลี่ยนไป นับตั้งแต่โควิด เรามี telemedicine มีการพบแพทย์ออนไลน์ มีการเรียนหนังสือออนไลน์ ซึ่งก็เชื่อว่า 150 ปี ต่อจากนี้ จะเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่า 150 ปีที่ผ่านมา และเชื่อว่า เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมา ยังเป็นเพียงแค่ 1% ส่วนอีก 99% ยังรอการค้นพบอยู่

ทั้งนี้ เพิ่งได้ยินมาว่า มะเร็งผิวหนัง ซึ่งพบเจอได้ง่าย ในเวลานี้สามารถใช้ AI ในการตรวจจับได้แล้ว อีกสิ่งที่ใช้กันได้แพร่หลายก็คือ มีการทดลองใช้ AI ไปเรียนรู้ว่า คนขายที่เก่งที่สุดใช้ชีวิตประจำวันตั้งแต่เช้าจรดเย็นอย่างไร พร้อมทั้งให้ AI ไปสังเกต ไปดูวิธีการทำงานว่าเป็นอย่างไร เพื่อนำมาสอนนักการขายที่เหลือของบริษัทที่ยังไม่เก่งพอ

เพราะฉะนั้น การลงทุน ก็ควรนำเงินที่หามายากๆ ไปลงทุนให้ถูกฝั่ง ไปอยู่ในโลกอนาคต มากกว่าในโลกอดีต

Q : กองทุน B-GTORMF และ B-FUTURERMF มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง

A : B-GTORMF เป็นกองทุน Feeder fund ลงทุนใน Wellington Global Innovation fund กองเดียว ซึ่งเราเชื่อในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนระดับโลกที่ Wellington คัดมาให้ และอีกสิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Wellington คือ มีสไตล์การลงทุนคล้ายกองทุนบัวหลวง คือ เน้น Bottom Up หรือเป็นการเน้นคัดสรรหุ้นที่เป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม

กองทุน B-GTORMF ก็จะเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้ผลักดันให้เกิดนวัตกรรม หรือว่าได้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นมา เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์ใหญ่ๆ เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบมอง Theme ระยะยาว เช่น ในช่วงที่เกิดโควิดขึ้นมา มีกลุ่มธุรกิจอะไรบ้างที่ได้ประโยชน์ ถ้าเป็นกรณีที่บริษัทต้องทำงานจากที่บ้าน (Work from home) ก็ต้องเป็นบริษัทในกลุ่มคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ถ้าเป็นกลุ่มสุขภาพ ก็จะเป็นบริษัทด้านดิจิทัลเฮลธ์ และยาชีวเภสัชภัณฑ์ (biopharmaceuticals)

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็น Highlight ก็คือ นี้ Michael Masdea ผู้จัดการกองทุนของ Wellington ที่ดูกองทุนนี้ มีประสบการณ์บริหารเงินมามากกว่า 12 ปี อยู่ในอุตสาหกรรมมามากกว่า 30 ปี โดยในส่วนของ B-GTO ซึ่งเป็นกองทุน feeder fund ที่ไปลงทุนในกองทุน Wellington Global Innovation fund แม้จะมี track record หรือระยะเวลาให้ติดตามผลการดำเนินงานย้อนหลังในไทยที่สั้น แต่ว่ากองทุน Wellington Global Innovation fund ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2017 ทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ 25% ต่อปี ไม่ได้เน้นเปลี่ยนหุ้นบ่อย เน้นหุ้นที่เป็น high conviction growth คือมีแนวโน้มเติบโตสูง ประมาณ 50 ตัว

นอกจากนี้ กองทุนนี้ค่อนข้างมั่นคง หากพิจารณา max drawdown ซึ่งเป็นการวัดระดับผลตอบแทนจากจุดที่สูงสุดลงมาต่ำสุด ซึ่งค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดี ก็จะพบว่าน้อยกว่า MSCI World อีก

ทั้งนี้ เวลาเลือกหุ้นที่จะมาลงทุนในกองทุนนี้ ผู้จัดการกองทุน Wellington ใช้ 4 แนวทางในการคัดเลือกหุ้น คือ

  1. Idea generation คือ การค้นหาความคิดหรือไอเดียใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตอบโจทย์กับสถานการณ์นั้น
  2. fundamental analysis การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
  3. Valuation – ต้องดูการเติบโต ดูว่ามีราคาเหมาะสมหรือไม่
  4. Portfolio construction คือ กระจายการลงทุนในหลายประเทศ ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยไม่กระจุกในอุตหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งมากเกินไป ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าหุ้น 10 ตัวแรกที่กองทุนนี้เลือก ก็จะไม่ได้มีแต่หุ้นเทคโนโลยี แต่จะมีหุ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม

Q : สำหรับกอง B-FUTURERMF มีจุดเด่นอย่างไร

A : ในส่วนของ B-FUTURERMF เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ลงทุนแบบ Cross Investing Fund คือผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกกองทุนได้หลายๆ กอง ที่เห็นว่าเป็นเทรนด์ในอนาคต และมีการเติบโต โดยกองที่เราพยายามสำรวจ พยายามมองหา เช่น future of the world, future of payment, future of consumption, future of food สัดส่วนการลงทุนคือประมาณ 80% ลงทุนผ่านกองทุน ส่วนอีก 20% ลงทุนผ่านหุ้นต่างประเทศโดยตรง

Q : อยากให้ยกตัวอย่างกองทุนหรือหุ้นรายตัวที่ผู้จัดการกองทุน B-FUTURE เข้าไปลงทุนและคัดสรร

A : ที่ผ่านมาทำผลตอบแทน B-FUTURE ได้ค่อนข้างดี โดยเราเลือกกองทุนเก่ง คือเราลงทุนใน Allianz AI ประมาณ 50% แล้วที่เหลือเราเลือกลงใน theme ใหม่ๆ เช่น Wellington Fintech Fund Fidelity China Consumer การบริโภคของชนชั้นกลางของจีน

ส่วนหุ้นรายตัว เราก็มีทีมที่เชี่ยวชาญคอยดูแลให้ ที่ผ่านมา เรามีการปรับเปลี่ยนหุ้นไปค่อนข้างมาก เพราะที่ผ่านมาเราเห็นหุ้นเทคโนโลยีอเมริกามีจังหวะ market pull back แล้วเราก็เห็นเป็นโอกาสเพราะพื้นฐานหุ้นไม่ได้เปลี่ยน จึงใช้จังหวะนี้เพิ่มหุ้นเทคโนโลยีเข้าไปในพอร์ต B-FUTURE

Q : อยากให้ยกตัวอย่างหุ้นรายตัวที่ กองทุน B-GTORMF และ B-FUTURERMF เข้าไปลงทุน

A : สำหรับ B-GTORMF ถ้าไปดูรายชื่อหุ้น top ten holding หรือหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนหลัก ของ B-GTO ลงทุน จะเห็นว่าเป็นหุ้นใหญ่ เช่น แอปเปิ้ล ไนกี้ หรือ วีซ่า แต่ถ้าดู 10 อันดับต่อไปหลังจาก 10 อันดับแรก ชื่อหุ้นน่าสนใจมาก เช่น workday ที่เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการวางแผนทรัพยากรบุคคล Netflix วิดีโอสตรีมมิ่ง Uber technology บริษัทเครือข่ายคมนาคม และ Tal education ซึ่งเป็นบริษัทการศึกษาออนไลน์ในจีน

ทั้งนี้ เวลาเลือกหุ้นเหล่านี้ Wellington ใช้วิธี TIBR score คือ

  1. Trend ดูว่าบริษัทเหล่านี้อยู่ในเทรนด์หรือไม่
  2. Innovation คือ ไม่ใช่แค่บริษัทนี้ต้องมีนวัตกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีนวัตกรรมที่เหนือคู่แข่งด้วย
  3. Barriers คือ มีอุปสรรคในการเข้าไปหรือไม่
  4. Risks คือ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง

ทางกองทุนก็จะพิจารณาประเด็นเหล่านี้ แล้วค่อยๆ วิเคราะห์ทีละบริษัท

ในส่วนของ B-FUTURERMF เราเน้นลงทุนใน 3 Theme ใหญ่ คือ เอไอ ฟินเทค และการบริโภคของจีน ซึ่งเป็น Theme ใหญ่ของโลกอนาคต จะเห็นได้ว่าพอร์ตโดยรวมของ B-FUTURERMF ไม่ได้ให้น้ำหนักแค่ในสหรัฐฯ แต่มีให้น้ำหนักในจีน และมีการลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่ได้น้ำหนักที่ AI เท่านั้น ส่วนหุ้นรายตัว ที่เราชอบ คือ Service now เป็น Software as a Service (SaaS) เหมือน office 365 หรือ google doc แต่เน้นการบริหารจัดการงานในองค์กร (task management) ให้ โดย 80% ของบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Fortune Global 500 เป็นลูกค้าของบริษัทนี้  ถือเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้บริษัทนำไปใช้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มผลิตภาพของงานได้ ที่ผ่านมาไตรมาสที่ 4 โต 32% เทียบรายปี และเป็นบริษัทเทคโนโลยีในไม่กี่บริษัทที่ให้ forward guidance ของปีนี้และปีหน้าได้

Q : ทั้งกองทุน B-GTORMF และ B-FUTURERMF มีส่วนไหนที่ลงทุนทับซ้อนหรือแตกต่างกันบ้าง

A : นักลงทุนอาจไม่แน่ใจว่าทั้ง 2 กองทุน มีอะไรทับซ้อนหรือไม่ ขออธิบายดังนี้

อย่างแรก B-GTORMF ไม่ได้ลงทุนแต่เทคโนโลยี ยังมีการลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น กลุ่มสื่อสาร บริการ การแพทย์ต่างๆ ด้วย ส่วนที่ลงทุนทับซ้อนกันก็จะมี AI Fintech และ Industrial โดยพอร์ตจะปรับเปลี่ยนตาม Theme หรือ Sector Rotation ที่เกิดขึ้น ในส่วนของ

B-FUTURERMF จะไม่ทับซ้อนกับ B-GTORMF เพราะว่ามีการลงทุนในการบริโภคของจีน รวมถึงมีการบริโภคของสหรัฐฯ ในกลุ่มหุ้นวัฎจักรด้วย เพราะว่าผู้จัดการกองทุนสามารถปรับหน้าพอร์ตตาม Sector Rotation ที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถไปลงทุนในหุ้นวัฎจักรได้ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการลงทุนทั้ง 2 กองทุนนี้ ทับซ้อนกันน้อยมาก จึงสามารถลงทุนได้ทั้ง 2 กองทุน

Q : เราจำเป็นต้องลงทุนในช่วง IPO หรือไม่ หรือควรรอจับจังหวะตลอด

A : การจับจังหวะตลาดทำได้ยากมาก และยากขึ้นไปอีกสำหรับปีนี้ ซึ่ง RMF เป็นการลงทุนระยะยาว เราควรใช้ระบบ money management หรือ DCA ไปเลยดีกว่า

ทั้งนี้ จากสถิติ พบว่า ยิ่งระยะเวลาการลงทุนยาวเท่าไหร่ โอกาสในการขาดทุนจากตลาดก็ยิ่งน้อยลง นี่เป็นข้อเท็จจริงสำหรับตลาดหุ้น ไม่ได้ใช้กับตลาดอื่นๆ

เรามีตัวอย่างสถิติอีกตัวอย่างให้ดู ถือเป็นสถิติที่ออกมาย้ำว่า ยิ่งลงทุนนานโอกาสขาดทุนยิ่งน้อย โดยจะเห็นว่าหากดูในรอบทุกๆ 10 ปี หรือทศวรรษ ของการลงทุนในช่วง 90 ปี มีเพียง 2 ทศวรรษ ในช่วง 90 ปี เท่านั้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนติดลบ แต่ถ้าได้ผลตอบแทนบวก ก็จะบวกมาก ดังนั้นจึงสนับสนุนการ Stay invested ผนวกกับการใช้ระบบ money management หรือทำ DCA ไปดีกว่า

Q : การลงทุนใน Thematic จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างไร

A : นักลงทุนถามเยอะมาก การลงทุน themetic ให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ก็ต้องบอกว่าควรนำ themetic มาอยู่ในพอร์ต เพราะจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ต

หากพิจารณาจากสถิติปี 2018-2020 โดยแบ่งเป็นการลงทุนแบบ themetic กับการลงทุนรายประเทศ จะพบว่า

  1. การลงทุนใน thematic เป็นการเพิ่มผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ต
  2. การลงทุนใน thematic จะช่วยลด volatility หรือความผันผวน ให้กับพอร์ตที่ลงทุน

ดังนั้น กองทุน Themetic น่าจะนำมาใส่ในพอร์ตลงทุน RMF ซึ่งคนที่ซื้อ RMF เป็นคนที่เข้าใจเรื่องการลงทุนอยู่แล้ว แต่ Theme ไหนที่ควรเอามาอยู่ในพอร์ต

เราชอบคำพูดของ สี จิ้นผิง มาก ที่บอกว่า AI จะเปลี่ยนสังคมมนุษย์ไปอย่างกว้างขวางและมหาศาล ซึ่งจีนหวังให้ประเทศเป็นผู้นำ AI ของโลก ภายในปี 2030 แต่ว่า ในปี 2025 เทคโนโลยีของจีนต้องทัดเทียมผู้นำแล้ว จึงมองว่า เงินจะต้องหลั่งไหลเข้าไปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและ  AI มหาศาล ไม่ว่าจะเป็น Robotic หรือ Aerospace หรือ IT เงินจะต้องเข้าไปในอุตสาหกรรมเหล่านี้ เรามองว่า รอบนี้เป็นขาขึ้นใหญ่ของเทคโนโลยี และ AI เพราะยังมีอีก 99% ของเทคโนโลยีที่เรายังไม่ค้นพบ แต่เราค้นพบแล้วว่า รอบนี้ดังนั้นเราจะไม่ยอมพลาดขาขึ้นใหญ่นี้แน่นอน