สรุปความสัมภาษณ์
เศรณี นาคธน
AVP Portfolio Management
- อัพเดทสถานการณ์ COVID 19 และ ความคืบหน้าของวัคซีน
สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้น ส่วนประเทศเพื่อนบ้านในทวีปเอเชีย บางประเทศก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่หากมองที่สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลก ถือว่าตอนนี้เราอยู่เลยช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อปรับขึ้นไปสูงสุด (peak)ในการระบาดระลอกที่ 2 ไปแล้ว
จำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่เร่งการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 นำโดยฝั่งอเมริกา ยุโรป หรือบางประเทศในเอเชีย โดยปัจจุบันมีประชากรโลก ประมาณ 10% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ซึ่งเราคิดว่าวัคซีนเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญสำหรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความเคลื่อนไหวของตลาดเงินตลาดทุน
ทั้งนี้ ก็เพราะว่าประเทศไหนที่มีการเร่งการฉีดวัคซีนที่ดี มีประสิทธิภาพ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็จะทำได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องสะดุดเพราะการล็อคดาวน์อีก รวมถึงตลาดหุ้นก็จะค่อยๆ รับรู้เรื่อง COVID-19 น้อยลง เนื่องจากการเร่งฉีควัคซีนทำให้นักลงทุนมองข้ามช็อตไป
- สินทรัพย์ประเภทไหนที่น่าสนใจลงทุนในช่วงนี้ และจะจัด Asset Allocation อย่างไรดี
สำหรับการทำ Asset Allocation หรือจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์นั้น ในส่วนของสินทรัพย์หลัก เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วนใหญ่ เนื่องจากหุ้นยังคงได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมทั้งสภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่ต้องยอมรับว่าระดับมูลค่าหุ้นไม่ได้ถูกมาก และยังมีปัจจัยที่จะเข้ามากระทบกับตลาดอยู่เป็นระยะ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น จึงต้องมีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ต โดยในส่วนที่ลงทุนในหุ้น นักลงทุนควรแบ่งลงทุนทั้งในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว และการเปิดประเทศ กลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างเช่น หุ้นกลุ่มวัฎจักร หรือหุ้นคุณค่า (Value) และหุ้นเติบโต (Growth) หรือกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกไกลในอนาคต
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงนี้อาจจะอยู่ในลักษณะทรงๆ ตัว โดยยังมีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับขึ้นได้ แต่คงจะไปได้ไม่ไกลมาก เพราะตลาดตราสารหนี้รับรู้เรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและเรื่องการปรับลดปริมาณเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) ไปส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือ High Yield และตราสารหนี้ในเอเชีย มองว่า สามารถนำเข้าพอร์ตลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้
ขณะที่ สินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ ก็มีความน่าสนใจมากขึ้นในช่วงนี้ หากนักลงทุนถือครองทองคำอยู่แล้ว ก็สามารถถือครองเพื่อใช้กระจายความเสี่ยงจากสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้ได้ แต่สำหรับนักลงทุนสายเก็งกำไรจากระดับราคา ณ ปัจจุบัน Upside ของราคาทองคำในระดับปัจจุบันไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากนัก
- คำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะลงทุนหุ้นกลุ่มไหน และควรให้น้ำหนักในแต่ละสินทรัพย์เท่าไหร่
สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ถนัดในการคัดเลือก จัดสรรสินทรัพย์ลงทุนในพอร์ตการลงทุนของตนเอง กองทุนบัวหลวงเป็นกองทุนในกลุ่ม BMAPS ที่ผู้จัดการกองทุนจะทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนสัดส่วนของพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์หรือแนวโน้มในเวลานั้น โดยจะคัดเลือกลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนเด่นๆ ของกองทุนบัวหลวง เช่น กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอล (B-GLOBAL) กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเอเชีย (B-ASIA) กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (ฺB-INNOTECH) กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) และกองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (เฮดจ์ 75) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ B-HY (H75) เป็นต้น
ทั้งนี้ BMAPS จะมีทั้งหมด 3 กองทุน แบ่งตามระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้
- BMAPS25
เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสในการรับผลตอบแทนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ชอบความผันผวนมากนัก ต้องการผลตอบแทนเอาชนะเงินเฟ้อ แต่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่มากนัก กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้เป็นหลัก จำกัดลงทุนในกองทุนตราสารทุนไม่เกิน 25% โดยมีการลงทุนเด่นของกองทุนบัวหลวง อาทิ BFIXED, B-GLOBAL, B-HY (H75) เป็นต้น
- BMAPS55
สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้นอีกระดับ กองทุนนี้จะเพิ่มสัดส่วนลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุน แต่ไม่เกิน 55% ของพอร์ต เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้นแต่ยังกังวลเรื่องความเสี่ยงอยู่ ทั้งนี้กองทุนมีการเลือกลงทุนในกองทุนอย่างเช่น BFIXED, B-GLOBAL, B-ASIA และ B-INNOTECH
- BMAPS100
สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้มาก ถือว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพราะเปิดโอกาสให้ผู้จัดการกองทุนลงทุนในกองทุนตราสารทุนได้ถึง 100% แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้จัดการกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในหุ้น 100% ตลอดเวลา แต่พิจารณาสถานการณ์ในช่วงนั้น ๆ ว่า สินทรัพย์ประเภทใดเหมาะกับการลงทุนในช่วงนั้นจริงๆ โดยกองทุนนี้มีการลงทุนในกองทุนอย่าง B-CHINE-EQ, B-ASIA, B-INNOTECH และ B-GLOBAL