ดังนั้น บริษัทหรือธุรกิจใดๆ ก็ตาม ที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาสินค้าและการให้บริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของคนยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และให้ความรู้สึกที่ทันสมัยได้ บริษัทหรือธุรกิจนั้นๆ ก็มีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้ตามเทรนด์โลก โดยที่ไม่จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีและนวัตกรรมนั้นโดยตรง
ด้วยเหตุนี้ กองทุนบัวหลวง จึงได้จัดตั้งกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ กลุ่ม B-GTO บัวหลวงโกลบอลธีมเมติกออพพอร์ทูนิตี้ โดยจัดเป็นประเภทกองทุนเปิดทั่วไป กองทุนรวมลดหย่อนภาษี RMF และล่าสุดคือ กองทุนรวมลดหย่อนภาษี SSF
กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศกลุ่ม B-GTO ทั้ง 3 กองทุนของบัวหลวง เป็นกองทุนชนิด Feeder Fund ที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนหลักที่ชื่อว่า Wellington Global Innovation Fund โดยลงทุนในบริษัทหรือธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่
ยกตัวอย่าง กลุ่มธุรกิจรีเทลของบริษัท Amazon ที่เป็นทั้งแพลตฟอร์มการสั่งสินค้าออนไลน์อย่างที่พวกเราคุ้นเคย พัฒนาสู่การเป็น Cloud Service และล่าสุดได้เปิดร้านสะดวกซื้อที่ชื่อว่า Amazon Go ซึ่งนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้บริการ (Customer Experience) ด้วยการใช้ QR Code จากแอปพลิเคชัน Amazon Go สแกนเข้าร้าน สแกนสินค้าที่ต้องการและเดินออกจากร้านได้เลย โดยที่ไม่ต้องต่อแถวเพื่อชำระเงินอีก เพราะได้เชื่อมต่อกับระบบชำระเงิน Amazon Account แล้ว ซึ่งคาดว่า Amazon Go ขยายสาขาเป็น 30,000 สาขาในสหรัฐฯ ภายในปีนี้
นอกจากนี้ กองทุนหลักยังเลือกลงทุนในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ อีกเช่น กลุ่มธุรกิจบันเทิงของบริษัท Walt Disney ที่ปัจจุบันหันเข้ามาจับธุรกิจ Streaming ชื่อว่า Disney+ ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจเดียวกับ Netflix โดยตอนนี้มีผู้ใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคนแล้ว หรือจะเป็นกลุ่มธุรกิจยา BioTech อย่างบริษัท แอสตราเซเนก้า ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาวัคซีนโควิด-19 เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนหนึ่งอาจมีความกังวลใจว่า การลงทุนในหุ้นของบริษัทหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในช่วงนี้นั้น “ใช่เวลาที่เหมาะสมหรือไม่?” เพราะจากข้อมูลในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พบว่าหุ้นบางตัวในกลุ่มนี้ได้ปรับตัวลดลงมากกว่า 10%
เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เทรนด์การลงทุนยังคงขับเคลื่อนด้วย Digital Economy ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่ใช้และได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยก่อนหน้านี้ คาดว่าเทรนด์นี้จะค่อยๆ เติบโตภายในระยะเวลา 5 – 10 ปี แต่เนื่องด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เป็นตัวกระตุ้นให้หุ้นกลุ่มนี้เติบโตอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ และเมื่อระยะเวลาผ่านไปราวปีกว่าๆ นักลงทุนส่วนหนึ่งก็เริ่มทยอยขายคืนเพื่อทำกำไร ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมปรับตัวลดลง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติในการที่หุ้นจะปรับฐานเข้าสู่ราคาที่เหมาะสม
ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นของบริษัทหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หรือ ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม แนะนำว่าสามารถทยอยลงทุนได้ เนื่องจากยังเป็นเทรนด์การลงทุนระยะยาว โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม ยังคงมีพื้นฐานแข็งแกร่งเติบโตล้อไปกับ Mega Trend ของโลก ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนผ่านกองทุน B-GTO ทั้ง 3 กองทุนของบัวหลวง โดยพิจารณาเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมาย
สำหรับคนที่ต้องการลงทุนทั่วไป ขอแนะนำให้เลือกลงทุนใน B-GTO ที่สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ และกำไรส่วนเกินทุนสำหรับบุคคลธรรมดาได้รับการยกเว้นภาษี แต่สำหรับคนที่ต้องการลงทุนลดหย่อนภาษีและมีเป้าหมายเกษียณสุข ขอแนะนำให้เลือกลงทุนใน B-GTORMF
แต่ถ้าหากใครต้องการที่จะลงทุนลดหย่อนภาษีและมีเป้าหมายระยะยาว 10 ปี ขอแนะนำให้ลงทุนใน B-GTOSSF ซึ่งปัจจุบันผู้ลงทุนสามารถลงทุน IPO ได้ผ่านแอปพลิเคชันบัวหลวงเอ็มแบงก์กิ้ง (Bualuang mBanking) และนอกเหนือจากการพิจารณาลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายแล้ว ก็อย่าลืมพิจารณาสัดส่วนในการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตัวเราเอง รวมถึงศึกษาข้อมูลภาษี สิทธิ และเงื่อนไขในการลงทุนให้ถูกต้องด้วย