หุ้นสหรัฐฯ…ทำไมต้องมี

หุ้นสหรัฐฯ…ทำไมต้องมี

สรุปความสัมภาษณ์

กองทุนบัวหลวงกำลังเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า (B-USALPHA) ระหว่างวันที่ 17-24 ส.ค. นี้ ซึ่งกองทุนนี้ไปลงทุนในหุ้นเติบโต (growth stocks) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่าน JPMorgan Funds – US Growth Fund ไม่ต่ำกว่า 80% ของ NAV ในวันนี้คุณเอนีส ตียาสิริ ผู้อำนวยการ Executive Director, South East Asia Funds and Institutional, JP Morgan Asset Management จะมาเล่าให้ฟังว่า ทำไมต้องมีสหรัฐฯ ในพอร์ตลงทุน

Q : ทำไมต้องมีสหรัฐฯ ในพอร์ตลงทุน

A : ถ้าเราไปดูตลาดสหรัฐฯ ต้องดูขนาดเศรษฐกิจ ซึ่งใหญที่สุดในโลก ซึ่งขนาดก็ห่างจากขนาดเศรษฐกิจจีนพอสมควร และถ้าดูขนาดตลาดหุ้นก็ใหญ่มาก โดยเมื่อดูดัชนีหุ้นทั่วโลก จะพบว่า มีสัดส่วนดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อยู่มากกว่าครึ่งหนึ่ง แปลว่าถ้าจะลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีสหรัฐอเมริกาไม่ได้

นอกจากนี้ ถ้าดูคุณภาพของการทำ margin หรือส่วนต่างรายได้ของบริษัทอเมริกา ก็เหนือกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และเมื่อดูดูผลตอบแทนการลงทุนหุ้นอเมริกา 10-20 ปีย้อนหลัง จะพบว่า ตลาดอเมริกามีเอกลักษณ์เฉพาะมาก เพราะสามารถให้ผลตอบแทนสูงสุดเทียบกับประเทศทั่วโลก เพราะ margin ดีกว่า แต่ความผันผวนน้อยที่สุด เพราะคุณภาพบริษัทดีกว่า โดยในภาวะที่ผันผวนเช่นนี้บริษัทอเมริกามีกระแสเงินสดเยอะมาก ค่อนข้างอึด ทำให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้

ทั้งนี้ หากดูตัวเลข 10 ปี ย้อนหลัง จะพบว่า มีแค่ปีเดียวเท่านั้นที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขาดทุน และในปีนั้นแม้จะขาดทุนก็จริง แต่ผลตอบแทนก็ยังสูงสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าจึงจำเป็นต้องมีเพราะคุณภาพบริษัทดีมาก margin ค่อนข้างสูง ถ้าสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตได้ ก็จะเป็นการเพิ่ม risk return ได้

Q : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง แล้วระดับราคาตอนนี้แพงเกินไปหรือยัง และ Active Management ตอบโจทย์ได้มากกกว่า Passive ยังไง

A : ถ้าเราดูการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่งจะฟื้นตัวเมื่อเดือน ธ.ค. 2020 แม้อัตราการฟื้นตัวของดัชนีจะสูงมาก แต่ถ้าดูจำนวนวันหรือเดือนที่ฟื้นตัวยังค่อนข้างสั้นมาก โดยธรรมดาการฟื้นตัว อยู่ในช่วงตลาดขาขึ้น หรือ Bull market ของสหรัฐฯ จะใช้เวลานานพอควร จึงมองยังวิ่งได้อีกพอควร ยังไม่แพงเกินไป เพราะ 3 ปัจจัย คือ

1.หากพิจารณาที่เศรษฐกิจอเมริกา น่าจะโตสูงสุดรอบ 40 ปีในปีนี้ ซึ่งส่วนมากในวงการการเงินก็ยังไม่เคยเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เติบโตขนาดนี้เลยในชีวิต

2.ถ้าไปดูผู้บริโภคอเมริกา เนื่องจากสัดส่วนการบริโภคต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สหรัฐฯ พบว่า สูงถึง 70% มากกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งถ้าดูคนธรรมดาในอเมริกาก็มีหนี้สินต่ำสุดรอบ 30 ปี ความมั่งคั่งของครัวเรือนสูงสุดในรอบ 20 ปี แปลว่ากำลังซื้อของคนอเมริกาดีมาก ส่วนการว่างงานแย่อยู่ก็จริงแต่เทรนด์ดีขึ้น ซึ่งตัวนี้เป็นปัจจัยสำคัญใหญ่มาก

3.รัฐบาลกำลังมีการกระตุ้นลงทุนใช้จ่ายหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งใช้เวลาหลายปีดำเนินการ

ทั้ง 3 ปัจจัยนี้สนับสนุนการเติบโตของหุ้นอเมริกา

ทั้งนี้ หากมาดูในช่วงแรกของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนมากราคาหุ้นจะวิ่งก่อน โดยตลาดหุ้นจะวิ่งนำเศรษฐกิจ 6 เดือน เพราะเราพยายามให้ราคาโดยมองอนาคต (price in) ด้วยราคาตอนนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นปีที่แล้วคือ หุ้นวิ่งขึ้นแต่เรายังอยู่ในวิกฤติ รายได้ของบริษัทยังไม่มี กลายเป็นมูลค่าหุ้น (valuation) ดูแพงมากไปเลย เพราะราคาหุ้นแพงแต่ไม่มีรายได้ (earning) สนับสนุน

แต่ปี 2021 เราเพิ่งเริ่มเห็น earning กลับมา ด้วยเหตุนี้ในอนาคต ราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของหุ้นสหรัฐฯ ก็น่าจะลดลง เพราะราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นมาแล้วถูกสนับสนุนด้วย earning

ถ้าดูดัชนีอเมริกา จะทราบว่าหุ้นกลุ่ม FAANG เป็นหุ้นใหญ่มาก และถ้าดูดัชนี Nasdaq จะพบว่า 40% ของมูลค่าตลาดมาจากหุ้น 10 อันดับแรก และถ้าดู S&P500 กลุ่มหุ้น 10 อันดับแรกก็มีมูลค่าตลาด 30% ซึ่งหุ้นใหญ่เหล่านี้ราคาแพงมาก แต่ถ้าดึงหุ้นเหล่านี้ออกจากดัชนีแล้ว ดูหุ้นที่เหลือในตลาด  จะพบว่า valuation ของหุ้นที่เหลือ ถูกกว่าค่าเฉลี่ยทั้งหมดของ index ดังนั้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ หุ้นบางตัวราคาแพงมากก็จริง แต่บางตัวยังไม่แพง

Q : สรุปแล้วทำไมต้องเลือกลงทุน B-USALPHA ที่ลงทุนใน JPMorgan Funds – US Growth Fund

  • ตลาดสหรัฐฯ ตอนนี้มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสูงสุดในรอบ 40 ปี
  • ผู้บริโภคอเมริกามีพื้นฐานทางการเงินดีมาก แข็งแกร่งมาก
  • อเมริกามีภูมิคุ้มกันหมู่ หรือ herd immunity ผ่านจุดที่แย่สุดมาแล้ว ไม่มีทางกลับไปแย่อีก
  • JPMorgan Funds – US Growth Fund เป็นกองทุน active คือมีการบริหารเชิงรุก เน้นหุ้นที่เติบโต (growth stocks) ตามวัฎจักรเศรษฐกิจ รวมทั้งโฟกัสบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนระยะยาว ทั้ง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการเปลี่ยนแปลงของการบริโภค
  • กองทุนนี้เป็นกองทุนหุ้น growth ที่มี common sense ในการบริหาร คือเมื่อบริษัท Apple หรือ Microsoft ที่ถืออยู่แพงเกินไป ก็ลดสัดส่วนลง
  • กองทุนนี้มี track record มากกว่า 20 ปี เป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับจากมอนิ่งสตาร์ 5 ดาว
  • เมื่อวัดมูลค่าของกองทุนนี้ ยังถือว่าถูกกว่าหุ้นสหรัฐฯ ในขณะที่การเติบโตสูงกว่าดัชนี

/////////////////////////////////////////

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้สนใจลงทุนกับ B-USALPHA 

กองทุนบัวหลวงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า (B-USALPHA) ระหว่างวันที่ 17-24 สิงหาคม 2564 มูลค่าการซื้อขั้นต่ำ 500 บาท พิเศษช่วง IPO คิดค่าธรรมเนียมขาย ในอัตราร้อยละ 0.75 ของมูลค่าหน่วยลงทุน

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน B-USALPHA หรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 และหรือดูข้อมูลได้ที่ www.bblam.co.th และหรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ได้แก่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส บมจ.หลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร บจ.หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรี บจ.หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา บจ.หลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ และ บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)

ลูกค้ากองทุนบัวหลวงสามารถเปิดบัญชีกองทุน รวมถึงซื้อกองทุนช่วง IPO ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking ได้ เวลา 8.30 – 16.00 น.

หมายเหตุ: การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้อยู่ในดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน
ดังนั้นผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้