By…อรพรรณ บัวประชุม CFP®
BF Knowledge Center
“SALE” ตัวอักษร 4 ตัวนี้ ที่บรรดาสาวเล็กสาวใหญ่ เมื่อเห็นแล้วเป็นต้องตะลึงแล้วเดินเข้าหาโดยไม่ยั้งคิด แต่ในปัจจุบันนี้ อักษร 4 ตัวนี้ เริ่มเป็นตัวอักษรธรรมดา เพราะทุกครั้งที่เราไปห้างสรรพสินค้า ก็มักจะเห็นเป็นประจำ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่จะต้องรอนาน 3 เดือน 6 เดือน หรือต้องรอเป็นปี ถึงจะมีโอกาสได้เห็น “SALE” ล้างสต็อกครั้งยิ่งใหญ่สักที
นั่นเป็นเพราะว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้หลายคนไม่อยากดึงเงินในกระเป๋าออกมาใช้ จึงต้องมีการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย หรือแม้แต่กาแฟแก้วแพงก็ยังมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ เพื่อให้เรายอมควักเงินในกระเป๋าออกมาใช้จ่ายกัน
จะทำอย่างไรหากจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อของชิ้นใหญ่
ก่อนอื่นต้องคิดก่อนว่าของชิ้นใหญ่ที่จะซื้อสำคัญมากไหม ถ้าสำคัญมากก็ไปต่อกัน แต่ถ้าไม่ได้สำคัญ เป็นแค่ความอยาก แนะนำให้อยู่เฉยๆ ก่อน เอาเงินที่มีไปลงทุนโดยกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน
สำหรับของสำคัญที่จำเป็นต้องซื้อ เงินก็ต้องใช้เยอะ จะทำยังไงดี
-ต้องสำรวจเงินในกระเป๋าที่มีก่อน (เงินเก่า) ว่ามีอยู่เท่าไหร่ แล้วอยู่ตรงไหนบ้าง ให้ List ออกมา
-ดูเงินเข้า (เงินใหม่) ต่อเดือนมีเท่าไหร่ หักค่าใช้จ่ายประจำ (เงินออม) และค่าใช้จ่ายผันแปรแบบประจำออก เหลือเท่าไหร่จะได้เห็นว่าจะมีเงินที่สามารถนำมาใช้ได้จำนวนเท่าไหร่
-เงินที่เหลือออกมานี้ ถ้าเอามาใช้จ่ายกับของชิ้นใหญ่ทั้งหมด จะรอดไหม จะช็อตระหว่างทางหรือเปล่า ตรงนี้ก็ต้องคิดด้วย
สมมติว่าของชิ้นใหญ่ที่ต้องการเป็นการซื้อรถยนต์สักคัน เพราะคันเก่า แก่มากแล้ว ใช้วันซ่อม 2 วัน ได้ไม่คุ้มเสีย ก็ขายรถเก่า ซื้อรถใหม่
ลองดูว่ารถเก่าขายแล้วเหลือเงินกลับมาเท่าไหร่ (ไม่ใช่ว่าขายแล้วได้เงินเท่าไหร่) เงินนั้นถือเป็นเงินก้อนตั้งต้น เช่น ขายได้ 50,000 บาท (แสดงว่าเก่ามากจริงๆ) ส่วนรถใหม่ที่ต้องการซื้อมูลค่า 1 ล้านบาท (เล็กกว่านี้ไม่ได้เพราะต้องขนของเยอะ) ก็ตามนี้ ซึ่งหากรถมูลค่า 1 ล้านบาท ดาวน์แบบผ่อนสบายหน่อยก็ต้องเริ่มที่ 25% เท่ากับว่าต้องมีเงินดาวน์ 250,000 บาท ซึ่งมีเงินตั้งต้นจากการขายรถเก่าแล้ว 50,000 บาท ยังขาดอีก 200,000 บาท ก็ต้องดูว่าเรามีเงินสะสมก้อนนี้ไหม ถ้ายังไม่มี แนะนำให้มีเงินดาวน์จำนวนนี้ให้ได้ก่อน อดทนใช้รถคันเก่าต่อไป เพราะราคาคงไม่ลงไปกว่านี้มาก สำหรับรถที่เก่าขนาดนี้ หากมีเงินอีก 200,000 บาทแล้วก็เดินหน้ากันต่อ
สำหรับสัปดาห์หน้าเราจะมาพิจารณากันต่อไปอีกขั้นว่า แล้วเราจะต้องผ่อนเดือนละเท่าไหร่ ถึงจะไม่ขาดใจไปเสียก่อน