Weekly Highlight |
INDIA Outlook 2024
BBLAM X Nippon india Mutual Fund
- A Top 5 Economy Now
- Amongst Top 5 Equity Market
- India 4 D – Growth Drivers
- The rise in per capital income and urbanisation
Nippon india Mutual Fund ผู้จัดการกองทุนหลักให้กับกองทุน B-BHARATA ของ BBLAM ออกรายงาน 2023 Overview, Macros & Outlook 2024 โดยรายงานฉบับนี้มีส่วนของ India Outlook ไว้ด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
Macro Trends & Overview
1.India Size Shifts – A Top 5 Economy
จากข้อมูล GDP ปี 2023 แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของอินเดียก้าวขึ้นมาสู่ 5 อันดับแรกของโลก และคาดว่าจะขึ้นเป็น 3 อันดับแรกของโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า ขนาดเศรษฐกิจของอินเดียกว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2028 โดยระหว่างปี 2023 – 2028 มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 6.3%
2.Growth/Inflation Outlook : Improving
2.1 Growth
เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากที่สุด 3 ปีติดต่อกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะแรงผลักดันของพลังความต้องการ และการปฎิรูปทางโครงสร้างของประเทศ รวมไปถึงแรงผลักดันจากภาครัฐ รวมไปถึงการฟื้นตัวของการบริโภค อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตามองผลกระทบจากการใช้นโยบายการเงินตึงตัว ภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ในหลายภูมิภาค
2.2 Inflation
เงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะปรับลดลงมาอยู่ระหว่าง 5.4% – 5.5% และปี 2025 อยู่ที่ 5% จากที่ปี 2023 อยู่ประมาณ 6.7% ทั้งนี้ยังคงต้องคำนึงปัจจัยด้านความไม่แน่นอนของราคาอาหาร ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์
India 4D Growth Drivers
1. Demographic Benefits
อินเดียมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนคิดเป็น 18% ของประชากรบนโลกนี้ ในจำนวนนี้กว่า 694 ล้านคน มีอายุระหว่าง 20 – 55 ปี ทำให้อินเดียมีประชากรที่อยู่ในวัยแรงงานมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ อินเดียวมีประชากร median age ต่ำว่า 30 ปี หรือมีประชากรในวัยรุ่นมากที่สุดในโลก
2. Deleveraging – Low Corporate Debt
อินเดียได้เปรียบเรื่องความพร้อมของกำลังการบริโภค การออม และการลงทุน นอกเหนือจากเหตุผลด้านประชากรแล้ว คือภาวะหนี้สินทั้งด้านบุคคล และธุรกิจ อยู่ในระดับต่ำ หนี้ภาคครัวเรือนมีระดับเพียง 20% ของ GDP เช่นเดียวกับหนี้ภาคธุรกิจมีเพียง 51% – 52% ของ GDP และไม่ได้มีแนวโน้มเติบโตมาตั้งแต่ปี 2008 และระดับนี้เป็นแค่ครึ่งเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับระดับหนี้ต่อ GDP ของทั้งโลก
3. Deregulation
การที่รัฐเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการต่างๆ รวมถึงการปฏิรูปด้านภาษีในช่วง 8 – 9 ปีที่ผ่านมา มีผลผลักดันให้เกิดความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ ดังจะเห็นได้จาก doing business rank ที่จัดทำโดย World Bank ปรับตัวดีขึ้นจากอันดับ 142 ในปี 2014 เป็นอันดับ 63 ในปี 2022
4. Digital India
อินเดียมีการเติบโตด้านดิจิทัลในเรื่องของระบบการชำระเงิน ซึ่งผลักดันอุตสาหกรรม Fintech ให้มีการเติบโตขึ้นอย่างมีนนัยสำคัญ โดย 2 ส่วนที่มีความสำคัญ ได้แก่ Identity layer (Aadhaar) และ Payment layer (UPI)
Indian Equity Market
1. Indian Equities – Amongst Top 5 Equity Market
ตลาดหุ้นอินเดียก้าวขึ้นเป็นตลาดหุ้นใน 5 อันดับแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีขนาดตลาดถึงกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีจำนวนบัญชีซื้อขายกว่า 3.7% ของโลก
2. Robust Foreign & Domestic Flows
Key Long Term Trends – Themes
1. Premiumisation
ด้วยการเติบโตของพลังการบริโภคของคนอินเดีย ทำให้มีความต้องการใช้สินค้าและบริการมากขึ้น รวมไปถึงคุณภาพที่ดีขึ้น ซึ่งธุรกิจกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการเดินทาง กลุ่มที่พักและโรงแรม และการท่องเที่ยว
2. Infrastructure & Manufacturing
รัฐบาลอินเดียเดินหน้าขยายด้านโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การวางงบประมาณกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในระยะเวลา 5 ปีภายใต้คำแนะนำจาก National Infrastructure Pipeline (NIP) และโปรแกรม Gati Shakti นอกจากนี้ยังตั้งเป้าให้ภาคการผลิตมีบทบาทต่อการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้เพิ่มสัดส่วนเป็น 25%ของ GDP ภายในปี 2030 และที่สำคัญรัฐบาลยังเร่งให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นปรับตัวเพื่อรับประโยชน์จากการปรับฐานการผลิตทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น China+1 และ Europe+1 ผ่านมาตรการจูงใจด้านภาษี เพื่อให้เกิดทักษะด้านวิศวกรรมและดิจิทัล รวมไปถึงด้านภูมิศาสตร์การเมือง โดยเล็งผลการรองรับในช่วง 10 ปีข้างหน้า
3. Financialisation of Savings
แรงผลักดันที่สำคัญที่มีต่อการออม และการเติบโตด้านภาคการเงิน ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัว การพัฒนาเพื่อสนับสนุนด้านโครงสร้างดิจิทัล ทั้งนี้อินเดียมีการเติบโตของผู้ใช้บริการอย่างมีนัยสำคัญในด้านต่างๆ เช่น การเพิ่มขึ้นของบัญชีเงินออม บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และบัญชีซื้อขายหน่วยลงทุนจากกองทุนรวม ที่สำคัญอีกเรื่อง คือ การปฏิรูปด้านภาษี GST
4. Private Sector Credit
ดังที่ทราบกันแล้วว่า หนี้ภาคครัวเรือน และหนี้ภาคธุรกิจของอินเดียต่ำมาก นำมาสู่โอกาส ทั้งเรื่องของการลงทุน การออม และพัฒนาเศรษฐกิจได้อีกมาก
BBLAM แนะนำกองทุน
กองทุนลงทุนตราสารหนี้เน้นยืดหยุ่น : B-DYNAMIC BOND และ กองทุนลดหย่อนภาษี : B-DYNAMICRMF และ B-DYNAMICSSF
กองทุนลงทุนหุ้นคุณภาพจากทั่วโลก : B-GLOBAL หรือกองทุนลดหย่อนภาษี B-GLOBALRMF
กองทุนลงทุนใน Asia Ex Japan : B-ASIA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-ASIARMF และ B-ASIASSF
กองทุนลงทุนอินเดีย : B-BHARATA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INDIAMRMF และกองทุน SSF เลือก B-ASIASSF
กองทุนลงทุนในเทคโนโลยี แต่พยายามเฟ้นหาหุ้นเทคฯพื้นฐานดี มูลค่ายังน่าลงทุน : B-INNOTECH หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF
ลงทุนหุ้นเวียดนาม : B-VIETNAM หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-VIETNAMRMF และ B-VIETNAMSSF
ลงทุนหุ้นไทยเน้นกระจายลงทุน : BKA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ BERMF และ BEQSSF
ลงทุนหุ้นไทยแบบเน้นเน้น : BTP หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-TOPTENRMF และ B-TOP-THAIESG
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/22-26-2024