BBLAM Weekly Investment Insights 22-26 มกราคม 2024

BBLAM Weekly Investment Insights 22-26 มกราคม 2024

Weekly Highlight

INDIA Outlook 2024

BBLAM X Nippon india Mutual Fund

  • A Top 5 Economy Now
  • Amongst Top 5 Equity Market  
  • India 4 D – Growth  Drivers  
  • The rise in per capital  income and urbanisation

70965071_xl_normal_none.jpg

Nippon india Mutual Fund ผู้จัดการกองทุนหลักให้กับกองทุน B-BHARATA ของ BBLAM ออกรายงาน 2023 Overview, Macros & Outlook 2024 โดยรายงานฉบับนี้มีส่วนของ India Outlook ไว้ด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้

Macro Trends & Overview

1.India Size Shifts – A Top 5 Economy

จากข้อมูล GDP ปี 2023 แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของอินเดียก้าวขึ้นมาสู่ 5 อันดับแรกของโลก และคาดว่าจะขึ้นเป็น 3 อันดับแรกของโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า ขนาดเศรษฐกิจของอินเดียกว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 5.9 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2028 โดยระหว่างปี 2023 – 2028 มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 6.3%

2.Growth/Inflation Outlook : Improving

2.1 Growth

เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากที่สุด 3 ปีติดต่อกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะแรงผลักดันของพลังความต้องการ และการปฎิรูปทางโครงสร้างของประเทศ รวมไปถึงแรงผลักดันจากภาครัฐ รวมไปถึงการฟื้นตัวของการบริโภค อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตามองผลกระทบจากการใช้นโยบายการเงินตึงตัว ภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ในหลายภูมิภาค

2.2 Inflation

เงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะปรับลดลงมาอยู่ระหว่าง 5.4% – 5.5% และปี 2025 อยู่ที่ 5% จากที่ปี 2023 อยู่ประมาณ 6.7% ทั้งนี้ยังคงต้องคำนึงปัจจัยด้านความไม่แน่นอนของราคาอาหาร ราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์

India 4D Growth Drivers

1. Demographic Benefits

อินเดียมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนคิดเป็น 18% ของประชากรบนโลกนี้ ในจำนวนนี้กว่า 694 ล้านคน มีอายุระหว่าง 20 – 55 ปี ทำให้อินเดียมีประชากรที่อยู่ในวัยแรงงานมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ อินเดียวมีประชากร median age ต่ำว่า 30 ปี หรือมีประชากรในวัยรุ่นมากที่สุดในโลก

2. Deleveraging – Low Corporate Debt

อินเดียได้เปรียบเรื่องความพร้อมของกำลังการบริโภค การออม และการลงทุน นอกเหนือจากเหตุผลด้านประชากรแล้ว คือภาวะหนี้สินทั้งด้านบุคคล และธุรกิจ อยู่ในระดับต่ำ หนี้ภาคครัวเรือนมีระดับเพียง 20% ของ GDP เช่นเดียวกับหนี้ภาคธุรกิจมีเพียง 51% – 52% ของ GDP และไม่ได้มีแนวโน้มเติบโตมาตั้งแต่ปี 2008 และระดับนี้เป็นแค่ครึ่งเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับระดับหนี้ต่อ GDP ของทั้งโลก

3. Deregulation

การที่รัฐเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการต่างๆ รวมถึงการปฏิรูปด้านภาษีในช่วง 8 – 9 ปีที่ผ่านมา มีผลผลักดันให้เกิดความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ ดังจะเห็นได้จาก doing business rank ที่จัดทำโดย World Bank ปรับตัวดีขึ้นจากอันดับ 142 ในปี 2014 เป็นอันดับ 63 ในปี 2022 

4. Digital India

อินเดียมีการเติบโตด้านดิจิทัลในเรื่องของระบบการชำระเงิน ซึ่งผลักดันอุตสาหกรรม Fintech ให้มีการเติบโตขึ้นอย่างมีนนัยสำคัญ โดย 2 ส่วนที่มีความสำคัญ ได้แก่ Identity layer (Aadhaar) และ Payment layer (UPI) 

Indian Equity Market

1. Indian Equities – Amongst Top 5 Equity Market

ตลาดหุ้นอินเดียก้าวขึ้นเป็นตลาดหุ้นใน 5 อันดับแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีขนาดตลาดถึงกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีจำนวนบัญชีซื้อขายกว่า 3.7% ของโลก

2. Robust Foreign & Domestic Flows

Key Long Term Trends – Themes

1. Premiumisation

ด้วยการเติบโตของพลังการบริโภคของคนอินเดีย ทำให้มีความต้องการใช้สินค้าและบริการมากขึ้น รวมไปถึงคุณภาพที่ดีขึ้น ซึ่งธุรกิจกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการเดินทาง กลุ่มที่พักและโรงแรม และการท่องเที่ยว

2. Infrastructure & Manufacturing

รัฐบาลอินเดียเดินหน้าขยายด้านโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การวางงบประมาณกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในระยะเวลา 5 ปีภายใต้คำแนะนำจาก National Infrastructure Pipeline (NIP) และโปรแกรม Gati Shakti นอกจากนี้ยังตั้งเป้าให้ภาคการผลิตมีบทบาทต่อการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้เพิ่มสัดส่วนเป็น 25%ของ GDP ภายในปี 2030 และที่สำคัญรัฐบาลยังเร่งให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นปรับตัวเพื่อรับประโยชน์จากการปรับฐานการผลิตทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น China+1 และ Europe+1 ผ่านมาตรการจูงใจด้านภาษี เพื่อให้เกิดทักษะด้านวิศวกรรมและดิจิทัล รวมไปถึงด้านภูมิศาสตร์การเมือง โดยเล็งผลการรองรับในช่วง 10 ปีข้างหน้า

3. Financialisation of Savings

แรงผลักดันที่สำคัญที่มีต่อการออม และการเติบโตด้านภาคการเงิน ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัว การพัฒนาเพื่อสนับสนุนด้านโครงสร้างดิจิทัล ทั้งนี้อินเดียมีการเติบโตของผู้ใช้บริการอย่างมีนัยสำคัญในด้านต่างๆ เช่น การเพิ่มขึ้นของบัญชีเงินออม บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และบัญชีซื้อขายหน่วยลงทุนจากกองทุนรวม ที่สำคัญอีกเรื่อง คือ การปฏิรูปด้านภาษี GST

4. Private Sector Credit

ดังที่ทราบกันแล้วว่า หนี้ภาคครัวเรือน และหนี้ภาคธุรกิจของอินเดียต่ำมาก นำมาสู่โอกาส ทั้งเรื่องของการลงทุน การออม และพัฒนาเศรษฐกิจได้อีกมาก

BBLAM แนะนำกองทุน 

กองทุนลงทุนตราสารหนี้เน้นยืดหยุ่น : B-DYNAMIC BOND และ กองทุนลดหย่อนภาษี : B-DYNAMICRMF และ  B-DYNAMICSSF 

กองทุนลงทุนหุ้นคุณภาพจากทั่วโลก : B-GLOBAL หรือกองทุนลดหย่อนภาษี B-GLOBALRMF 

กองทุนลงทุนใน Asia Ex Japan : B-ASIA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-ASIARMF และ B-ASIASSF

กองทุนลงทุนอินเดีย : B-BHARATA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INDIAMRMF และกองทุน SSF เลือก B-ASIASSF

กองทุนลงทุนในเทคโนโลยี แต่พยายามเฟ้นหาหุ้นเทคฯพื้นฐานดี มูลค่ายังน่าลงทุน : B-INNOTECH หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF

ลงทุนหุ้นเวียดนาม : B-VIETNAM หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-VIETNAMRMF และ B-VIETNAMSSF

ลงทุนหุ้นไทยเน้นกระจายลงทุน : BKA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ BERMF และ BEQSSF 

ลงทุนหุ้นไทยแบบเน้นเน้น : BTP หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-TOPTENRMF และ B-TOP-THAIESG

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/22-26-2024