By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
การออมและการลงทุนนั้น มีความสำคัญกับการนำพาชีวิตของเราไปสู่ปลายทางชีวิตหลังวัยเกษียณอย่างมีความสุข มีเงินใช้เพียงพอในยามที่ไม่มีแรงทำงานแล้ว ไม่ว่าเราจะทำงานเป็นพนักงานประจำที่มีเงินเดือนแน่นอน ประกอบอาชีพอิสระ เป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นพ่อค้า แม่ค้า จะเป็นอะไรก็ตามแต่ มีรายได้มากหรือมีรายได้น้อย ถ้าต้องการมีเงินเพียงพอใช้ในวัยเกษียณ ก็ไม่มีปัจจัยไหนสำคัญเท่ากับว่า “วันนี้ เริ่มต้นออมและลงทุนแล้วหรือยัง”
“ป้าศรี” หรือ คุณเพ็ญศรี แซ่ลิ้ม น่าจะเป็นหนึ่งในบุคคลตัวอย่างที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี ในโอกาสที่ทีมงานของกองทุนบัวหลวงเดินทางสู่ภาคใต้ ไปเยือนจ.สุราษฎร์ธานี เพื่อจัดกิจกรรม “เปิดโลกลงทุนกับกองทุนบัวหลวง” เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ก็ได้รับทราบเรื่องราวของ “ป้าศรี” จากคำบอกเล่าของทีมงานธนาคารกรุงเทพ ทำให้เกิดความสนใจ แล้วในที่สุด ได้พูดคุยกับป้าศรี ซึ่งเรื่องราวนี้ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนที่ยังไม่ได้สนใจเรื่องการออม การลงทุนมากนัก หันมาให้ความสำคัญกับการออมมากขึ้น
ป้าศรี เล่าย้อนความหลังให้ฟังว่า เป็นคนมีนิสัยชอบออมเงินมาตั้งแต่เด็ก เวลาที่บ้านให้ค่าขนมไปโรงเรียน ก็จะไม่ใช้หมด แต่จะเก็บส่วนหนึ่งไว้ออมด้วย พอเริ่มเป็นแม่ค้าขายผ้าอยู่ริมทางเดิน เวลามีรายรับ-รายจ่าย ป้าก็จะจดบันทึกไว้ในสมุด เพื่อให้ทราบว่า ใช้เงินทำอะไรไปบ้าง ซึ่งระหว่างที่ทำมาค้าขายไป ก็มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมฝากเงินเก็บไว้กับธนาคาร และซื้อสลากออมสิน แต่ด้วยดอกเบี้ยที่ได้รับอันน้อยนิด อีกทั้งได้เจอกับทีมงานของธนาคารกรุงเทพ มาให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่บริหารโดยกองทุนบัวหลวง ก็เลยตัดสินใจลองนำเงินก้อนแรกไม่ถึงหลักล้านบาท มาลงทุนผ่านกองทุนรวม
ในระหว่างนั้น ป้าศรีก็ทดลองนำเงินเก็บส่วนอื่นๆ ไปลองลงทุนซื้อ-ขายหุ้นเองด้วย โดยก่อนจะเข้าไปซื้อขายนั้น ก็จะพยายามศึกษาหาความรู้ผ่านหนังสือเกี่ยวกับการออม การลงทุน รวมถึงรายการโทรทัศน์ และสื่อต่างๆ ที่มีมากมาย แต่ว่าผลลัพธ์ คือ ขาดทุน หรือตัวแดงทั้งพอร์ต ซึ่งป้าก็ไม่ได้ลดละที่จะลงทุนต่อเรื่อยมา เพียงแต่ใช้เงินก้อนเล็กๆ ในการไปซื้อขายเอง แต่ถ้าเป็นเงินก้อนหลักของครอบครัว ก็จะลงทุนผ่านกองทุนรวมเป็นหลัก
“เราเริ่มลงทุนก้อนแรกไม่ถึงล้านบาท ใช้เวลาเดินยาวๆ ไม่หวั่นไหว ทำไปเรื่อยๆ แล้วก็ศึกษาข้อมูลการลงทุนผ่านช่องทางที่มีมากมาย ทั้งเปิดใจรับฟังสิ่งใหม่ๆ และทดลองลงทุนหุ้นเอง ด้วยเงินเล็กๆ น้อยๆ ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็มาอาศัยกองทุนรวม พอเราเห็นพอร์ตกองทุนเขียว ก็ชุ่มชื่นหัวใจ” ป้าศรี กล่าว
ป้าศรี เล่าว่า ป้าจะลงทุนในกองทุนหุ้นประมาณ 60% ของเงินลงทุนผ่านกองทุนรวม ส่วนอีก 40% ผ่านกองทุนตราสารหนี้ โดยที่ผ่านมา เวลาที่ตลาดหุ้นผันผวน เมื่อเห็นราคาหน่วยลงทุนตกลงไป ป้าศรีก็ไม่หวั่นไหว เพราะยังเชื่ออยู่ว่า ระยะยาวต้องไปต่อได้ โดยระยะยาวที่ป้าศรีเชื่อมั่น คือ อย่างน้อยๆ ต้อง 10 ปี เพราะป้าไม่ได้ลงทุนสั้นๆ เพียงปีเดียว
แง่คิดดีๆ ที่น่าสนใจจากป้าศรี เปรียบเปรยการลงทุนว่า เหมือนกับปลูกต้นไม้ ที่ต้องอาศัยระยะเวลายาวนานกว่าจะเก็บเกี่ยวให้ดอกผลมากินหรือขายได้ อย่าง ปลูกยางพารา ยังใช้เวลาอย่างน้อยๆ 7 ปี จึงจะกรีดยางได้ หากจะปลูกวันนี้ แล้วไปเก็บเกี่ยวผลผลิตวันนี้เลย ก็คงไม่ได้ ก็เหมือนกับการลงทุนที่ต้องให้เวลาได้แตกหน่อแตกก้านยืนต้น
สำหรับใครที่ลงทุนไปแล้ว เวลาเห็นราคาหน่วยลงทุนตกลงไป ป้าศรีให้คำแนะนำอิงหลักธรรมะด้วยว่า ไม่ยาก ก็อย่าไปดู ให้ดึงใจออกมา แล้วทำอย่างอื่น เพราะชีวิตเรามีหลายมิติ ไปมองหาอะไรทำให้ชื่นใจดีกว่า เพราะเชื่อว่า ในที่สุดแล้วเดี๋ยวก็ต้องกลับมา อาจจะใช้เวลาหลายปี แต่ถ้าเราใช้ธรรมะ ข่มใจ ไม่หวั่นไหวมาก และลงทุนระยะยาว ก็เชื่อว่าทุกอย่างจะดีเอง
ป้าศรี ให้ข้อคิดที่น่าสนใจแก่คนทั่วไปว่า ถ้าอยากจะมีเงินเก็บไว้ใช้ยามเกษียณ เราต้องรู้ว่า เราใช้เงินไปทำอะไรบ้าง เวลาได้เงินมา ต้องจัดสรรเงินว่า จะเก็บเท่าไหร่ และใช้เท่าไหร่ ถ้าเรามีพฤติกรรมการออมอยู่ในหัวใจ ไม่ใช้จนหมด ก็จะมีเงิน มีความสุข ลูกหลานก็รัก และอยากดูแลเรา
สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ยังมีเวลาอีกมากในชีวิต ก็อยากให้คิดไว้ว่า เวลาเป็นสิ่งมีค่า ยิ่งมีเวลาทำงานนาน ยิ่งมีโอกาสเก็บออมและลงทุนได้มากขึ้น ขนาดป้าศรีเอง มารู้ตัวเรื่องการลงทุนก็เริ่มในวัย 40 ปีต้นๆ แล้ว ยังสามารถทำให้มีเงินเพียงพอใช้วัยเกษียณได้เลย
หากคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานตอนอายุ 20 ปีต้นๆ เริ่มการออมก่อน และการลงทุนเลย เวลาผ่านไปได้ เมื่อเห็นกำไรก็จะมีหัวใจพองโตเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เหมือนกับการนำเงินไปซื้อของแบรนด์เนมที่เวลาผ่านไป เงินหดหาย ส่วนความสุขที่ได้จากสินค้าแบรนด์เนมก็เป็นสุขเพียงชั่วครู่ ต่างจากสุขที่มีเงินเก็บระยะยาว ที่สุขแบบลุ่มลึก เพราะเดินไปไหนได้อย่างสบายใจ จากการมีเงินเก็บและไม่เป็นหนี้
นี่เป็นส่วนเล็กๆ ของแนวคิดดีๆ จากป้าศรี ที่ใครก็สามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้ หากต้องการมีเงินใช้เพียงพอในวัยเกษียณ เพียงเริ่มต้นสนใจเรื่องการออมและการลงทุนตั้งแต่วันนี้ ก็ยังไม่สายเกินไป