องค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ UNWTO ได้จัดทำรายงานล่าสุด ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศทั่วโลกเติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการเดินทางที่แข็งแกร่งจากตลาดหลักๆ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และเป็นการเติบโตที่ต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมาที่การท่องเที่ยวโลกเติบโต 7%
Zurab Pololikashvili เลขาธิการ UNWTO กล่าวว่า จากข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกที่ออกมา เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมนี้ และสะท้อนถึงทิศทางการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเรายังคงทำงานอย่างหนักกับพันธมิตรของเราเพื่อแปลงการเติบโตที่ดีนี้ให้ไปสู่การมีงานทำที่ดีขึ้น การส่งผ่านประโยชน์ไปยังสังคมมากขึ้น และการสร้างโอกาสมากขึ้นสำหรับการมีวิถีชีวิตที่ยั่งยืน เป็นจุดหมายการเดินทางที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ หากพิจารณาข้อมูลรายภูมิภาค พบว่า ยุโรป เอเชีย และแปซิฟิกนั้น มียอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศ เติบโต 7% ขณะที่กลุ่มยุโรปที่อยู่ทางทะเล เมดิเตอเรเนียนตอนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น เป็นภูมิภาคที่การท่องเที่ยวเติบโตแข็งแกร่งที่สุด มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศเติบโตถึง 9%
ด้านตะวันออกกลางและแอฟริกา ยังมีตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศเติบโตได้ 5% และ 4% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยังเป็นพื้นที่ที่ข้อมูลของจุดหมายปลายทางยังมีจำกัด ส่วนอเมริกาเติบโต 3% ได้รับแรงขับเคลื่อนมาจากอเมริการใต้ ที่เติบโต 7% ขณะที่อเมริกาเหนือเติบโต 5% โดยสหรัฐยังเป็นพลังสำคัญของการเติบโตในภูมิภาคนี้ และภูมิภาคใกล้เคียง
เมื่อดูความต้องการเดินทาง พบว่า ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และรัสเซีย ยังเป็นประเทศในยุโรปที่มีจำนวนผู้เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศเติบโตด้วยเลขสองหลัก ส่วนอินเดียและสาธารณรัฐเกาหลี เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเอเชียและแปซิฟิก ขณะที่ตลาดนักเดินทางอันดับหนึ่งในโลก คือ จีน