By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
เตรียมความพร้อมรับวัยเกษียณ เป็นเรื่องสำคัญ แต่กว่าที่คนส่วนใหญ่จะมาสนใจ หรือรู้ตัวอีกที ก็พบว่า ปีหน้าจะเกษียณแล้ว หากจะลุกมาเตรียมพร้อม ก็คงไม่ทันกาลแล้ว สุดท้ายจึงต้องก้มหน้ารับสภาพเงินที่ไม่พอใช้หลังเกษียณ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาของ “กฤษฎ์ รอดประชา” หรือ คุณหลง Senior Vice President บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) ที่ตอนนี้วัยย่างเข้าหลัก 5 แล้ว เพราะเขาเชื่อมั่นว่า ชีวิตดี๊ดี…รออยู่แน่นอนในวัยเกษียณ
เพราะตลอดชีวิตการทำงานกว่า 30 ปี วนเวียนอยู่ในภาคการเงินมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร บริษัทประกัน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เขาอยู่มาครบแล้ว เรียกว่า สัมผัสเรื่องเงินมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะเวลานี้ กับภารกิจดูแลลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่จะคอยให้ความรู้ ให้คำแนะนำลูกค้าในด้านการออมผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ครั้นตัวเองจะไม่ออมเลย คงไม่ใช่
คุณหลง เล่าว่า ช่วงเริ่มต้นทำงาน ก็เก็บออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต แม้เวลานั้น รายได้ยังน้อย แต่ก็กัดฟันออมเงินทั้งน้ำตาอย่างต่อเนื่อง รู้ตัวอีกที ผ่านไป 20 ปี เงินก้อนที่ได้คืนจากประกันชีวิต ก็กลายเป็นต้นทุนสำคัญไว้ออมต่อ เพื่อเตรียมพร้อมรับวัยเกษียณไปแล้ว
“ถึงจะเป็นการออมทั้งน้ำตา แต่น้ำตาในวันนั้น กลับส่งผลดีต่อชีวิตเราในวันนี้ เพราะกลายเป็นเงินที่ไปทำงาน สร้างความมั่งคั่งให้เราต่อได้ และนอกจากเงินออมก้อนนี้ เมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้น ก็เริ่มเห็นความสำคัญของการออมมากขึ้น จึงเร่งอัดฉีดเงินออมเต็มพิกัดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพสำหรับลดหย่อนภาษี กองทุนรวมทั่วไป ประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมถึงการส่งเงินสมทบเต็มเพดานในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” คุณหลง กล่าว
คุณหลง ขยายความต่อว่า เมื่อ 20 ปีก่อน คือ จังหวะที่มองเห็นความสำคัญของการออมมากๆ ช่วงเวลานั้น เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในไทย ทำให้เห็นตัวอย่างสถานการณ์หลายอย่าง แล้วก็ย้อนกลับมาดูตัวเอง ก็ตระหนักว่า เมื่อเราต้องเป็นโสด แล้ววันข้างหน้า เราต้องเกษียณ ไม่มีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง แต่ยังมีพี่น้อง รวมถึงหลานๆ อยู่ด้วย ก็ควรต้องเป็นเสาหลักที่พึ่งพิงได้ ไม่ใช่เป็นภาระให้คนอื่นมาเลี้ยงดู จึงให้ความสำคัญในการเตรียมพร้อมรับวัยเกษียณ
ขณะเดียวกัน คุณหลง ยังมีแรงกระตุ้นสำคัญจากลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่ตัวเองต้องออกไปเดินสายให้ความรู้บ่อยๆ มาเสริม ยิ่งทำให้มีแรงฮึดในการออมเงินมากขึ้นไปอีก
คุณหลง เล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไปอบรมให้ความรู้ ก็ได้ฉุกคิดจาก คำถามของลูกค้าว่า “เราสอนให้คนอื่นออม แล้วตัวเราเองออมหรือยัง?” เพียงประโยคสั้นๆ ทำให้คุณหลงเร่งออมเงินอย่างจริงจัง เพื่อยืดอกบอกลูกค้าได้เต็มปากว่า นี่แหละตัวอย่างคนที่ออมเพียงพอ ทั้งยังพยายามสอนรุ่นน้องในทีมทุกคนว่า ต้องออมเงินอย่างน้อย 10% ของเงินเดือน แล้วลงทุนอีก 20% ไม่นับรวมหักเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ควรให้หักเต็ม 15% เวลาเจอลูกค้าจะได้ให้ความรู้และแนะนำได้เต็มปากในเรื่องการออม
คุณหลง เชื่อว่า การมุ่งมั่นออมเงินที่ทำมาตลอดชีวิต จะเป็นพลังสำคัญทำให้ก้าวสู่วัยเกษียณได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตสบายๆ นำเงินออมที่มีไปทำงาน สร้างรายได้ต่อเมื่อถึงวัยเกษียณ มีบ้านพร้อมอยู่ มีลูกหลานดูแล ไม่ทอดทิ้งกัน เพราะตัวเอง คงจะมีเงินเก็บเพียงพอ ดูแลตัวเองไม่ให้เป็นภาระต่อลูกหลาน ทั้งยังมีโอกาสส่งต่อความมั่งคั่งไปสู่ลูกหลานได้อีกด้วย
ถ้ายังมีแรง คงจะลงทุนเอง แต่ถ้าเริ่มรู้สึกว่าความสามารถลดลงแล้ว ก็คงใช้บริการกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวท ฟันด์) แล้วถ้าได้รับดอกผล คงนำไปท่องเที่ยวอย่างมีความสุข นอกจากนี้ ก็คงจะใช้เวลาที่เหลือไปออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง สุขภาพดีด้วย