ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-31 พ.ค. 2019) ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ เช่น Google Facebook Amazon Apple ลดลงจากการที่คณะกรรมมาธิการทางการค้าสหรัฐฯ หรือ the US government’s Federal Trade Commission (FTC) และกระทรวงยุติธรรม หรือ Department of Justice (DOJ) บรรลุข้อตกลงร่วมกันต่อการจัดการด้านการผูกขาดทางธุรกิจ
(Source: https://www.ft.com/content/34993834-8609-11e9-97ea-05ac2431f453)
ทั้งนี้ DOJ มีแนวโน้มเรียก Google และ Apple เข้ามาไต่สวน ขณะที่ FTC จะตรวจสอบ Facebook และ Amazon
ข่าวดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาหุ้นโกลบอลเทคโนโลยี ร่วงลงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี (Mega cap Tech stock) กำลังจะถูกเพ่งเล็งเข้มข้นขึ้น แต่กองทุนหลักมองว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว แรงรบกวนที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นทางการเมืองสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ให้คำปรึกษากับ Fidelity International ให้ความเห็นว่า ยังมีประเด็นอีกมากที่สหรัฐฯ ต้องพิจารณา แม้รัฐบาลจะชงประเด็นสอบสวนด้านการผูกขาดในการทำธุรกิจ แต่กฎหมายระบุว่าจำเป็นต้องแสดงหลักฐานต่อศาลว่ามีมูลชัดเจน
หากมองดูแล้ว พบว่า เป็นไปได้ยากภายใต้กฏหมาย U.S. Antitrust Law ณ ปัจจุบัน เพราะ ทั้ง FTC และ DOJ จะต้องพิสูจน์หลักฐานเชิงประจักษ์ต่อหน้าสาธารณะว่าผู้บริโภคถูกเอาเปรียบโดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้
นอกจากนี้ ฟากสหภาพยุโรปเอง (EU) ซึ่งใช้กฎหมาย (Subjective law) หมายถึงขึ้นอยู่กับการมองของผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็ยังไม่พบหลักฐานว่า Google เป็นภัยคุกคามด้านการผูกขาดทางการค้า (Antitrust law) เลย ดังนั้น สหรัฐฯ เองที่มีกฏหมายต่างจากยุโรปจึงยากที่จะพิสูจน์ กระนั้นก็ดี หากมีประเด็นเล็กๆ ก็มักจะพาดหัวข้อข่าวใหญ่เสมอ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดตกใจ
กองทุนหลัก Fidelity Global Technology Fund จึงแสวงหาโอกาสดังกล่าวในการซื้อหุ้นเทคที่มีศักยภาพและระดับมูลค่าเหมาะสม แต่ราคาตลาดลดลงจากกระแสข้างต้น