อัพเดทตลาดหุ้นอินเดียมิดแคป
หุ้นอินเดียมิดแคป เมื่อวัดจาก Nifty Midcap 100 Index ปรับลดลง -11% (สกุลรูปี) ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แม้จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องภายหลังการเลือกตั้งในช่วงปลายเดือน พ.ค.จนถึงเดือน มิ.ย.
ด้านเงินลงทุนจากต่างประเทศในตลาดหุ้นอินเดีย (Foreign Fund flow YTD) พบเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (FPI) ซื้อสะสมสุทธิจำนวน 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กลับลำขายสุทธิ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ก.ค.
ปัจจัยบวก/ลบที่นักลงทุนต้องจับตาซึ่งยังมีความไม่แน่นอนต่อไปอีกระยะ
- การปรับลดดอกเบี้ยของ RBI – ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ไปแล้ว 75 basis points แต่ตลาดยังคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง 25 basis points (กรณี Base case) ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ (อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี สะท้อนว่าตลาดคาดการณ์ล่วงหน้าไปแล้วว่าลดดอกเบี้ย โดยลดลงจาก 7.5% เหลือ 6.5%)
- ผลกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาไม่ดี – Earnings consensus ปรับลดลงจาก 20-25% ในช่วงไตรมาสสอง เหลือเพียง 10-15% ช่วงไตรมาสสาม ตรงกับที่กองทุนหลักมองไว้
- ฤดูมรสุม (Monsoon season) – ปริมาณน้ำฝนออกมาต่ำกว่าที่คาดหวังประมาณ 15% ส่งผลเชิงลบต่อรายได้ชนบท ต่อเนื่องถึงการอุปโภคบริโภคในวงกว้าง เนื่องจากรายได้ภาคเกษตรจึงถือเป็นรายได้หลักของประชาชนอินเดีย โดย 50-60% ของประชาชนชาวอินเดียมีรายได้จากการจ้างงานในภาคเกษตรกรรม ขณะที่ 60-70% ของพื้นที่การเกษตรอินเดียพึ่งพาน้ำฝนในการเพาะปลูก เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ตลาดหุ้นคาดหวังอย่างมากต่อแรงกระตุ้นจากภาครัฐ
- ระดับมูลค่าหุ้น – หลัง Sharp correction ในเดือน ก.ค. ระดับ Valuation หุ้น midcap ลดลงจนกลับมาอยู่ใน comfort zone หมายถึง ไม่ได้แพงกว่า Broad market แล้ว
อย่างไรก็ตาม กองทุนหลักไม่ได้คาดหวังว่า ระดับมูลค่าจะพลิกฟื้นในระยะเวลาอันสั้น เพราะ 1.ยังต้องจับตาแรงส่งต่อตลาดหุ้นจากการปรับลดดอกเบี้ยจาก RBI และ 2. ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ลงแรงใช้ความพยายามอย่างมาก รวมถึง ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนอินเดียเผชิญกับ Earnings downgrade ไปมากพอสมควร โดยเป็นการ downgrade รายบริษัท ไม่ได้เป็นการ downgrade ทั้ง Sector
Portfolio positioning perspective
Factsheet เดือน มิ.ย. พบว่า พอร์ตลงทุนมีบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธนาคารเป็นสัดส่วนสูง (ประมาณ 25% ของพอร์ต) เช่น ICICI Bank และบริษัทสินค้าอุปโภค Dabur india ที่ผลประกอบการออกมาดี ขณะที่ RBL / Mahindra &Mahindra Finance / Tech Mahindra ประกาศผลประกอบการต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดหวัง กองทุนหลักถือครองเงินสดสิ้นเดือน มิ.ย. อยู่ประมาณ 4% ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่ถือครองประมาณ 6%
กองทุนหลัก Underweight: ธนาคารและสถาบันการเงิน บนพื้นฐานของ 1. การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2. Liquidity crisis ช่วงก่อนหน้า และ 3. NBFC (Non-bank financial corporation) crisis และ 4. ผลกำไรที่ออกมาน่าผิดหวังของหุ้นกลุ่มธนาคาร (กำไรของ RBL , Mahindra Mahindra bank)
กองทุนหลัก Overweight: Auto and Auto Ancillary / Consumer good / Cement and cement product เพราะคาดว่าได้ประโยชน์ด้าน Sentiment จากการที่รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) / Automobile / การปรับลดภาษีสินค้าและบริการ (GST rate cut)
จำแนกพอร์ตกองทุนหลักตามธีมการลงทุน
Source: KOTAK India Midcap Fund , June 2019