BSIRICG และ BSIRIRMF เด่น เมื่อแบงก์ชาติ เซอร์ไพรส์ตลาด ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ผลออกมาค่อนข้างเซอร์ไพรส์ตลาด เนื่องจาก ที่ประชุมมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากเดิม 1.75% เหลือ 1.50%
ประเด็นสำคัญที่ต้องปรับลดในครั้งนี้ อาจเพราะมีแรงฉุดต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะจากต่างประเทศ ทั้งการปรับลดดอกเบี้ยในหลายๆประเทศทั่วโลก ประเด็นที่อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (BREXIT) ที่อาจส่งผลต่อความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน และข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนจีนต้องปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามาเกิน 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแน่นอนจากเมื่อต้นปี ค่าเงินบาทต่อหยวน 4.7 บาทต่อหยวน แต่ ปัจจุบัน (วันที่ 7 ส.ค. 2562) อยู่ที่ 4.38 บาทต่อหยวน หรือก็คือ เงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น 6.80% ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวเมืองไทยต้องจ่ายแพงขึ้น การตัดสินใจมาเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยของเหล่านักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทยจึงยากขึ้นตามไปด้วย
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเป็นปัจจัยบวกต่อกองทุน BSIRICG และ BSIRIRMF อย่างไร?
- ในระยะสั้น การลดดอกเบี้ย ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดน่าจะตอบรับเชิงบวก
- เมื่อรัฐบาลมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น กระตุ้นการท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุน ก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อกองทุนหุ้นไทย
- มีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ หรือ Foreign Fund Flow (FFF) จะไหลเข้ามาได้อีก หากพิจารณาการถือครองหุ้นไทยจากต่างชาติ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2562 ยังต่ำเพียง 28% (Foreign + NVDR) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ 33.04%
- ประเด็นการปรับลดดังกล่าวทำให้ Earning Yield Gap ตลาดหุ้นไทยกว้างขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ 4.61% ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นปัจจัยบวก หนุนให้กลุ่ม Dividend Play & Value Stock เป็นที่สนใจมากขึ้น ซึ่งตรงกับ Portfolio strategy ของกองทุน BSIRICG และ BSIRIRMF ที่เน้นลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์หุ้นที่มี CG Scoring โดยเน้นหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization) หรือมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ หรือมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง
Portfolio Positioning Perspective : BSIRICG และ BSIRIRMF
ณ ปัจจุบัน BSIRICG และ BSIRIRMF ลงทุนในหุ้นจำนวน 42 บริษัท และ Turnover Ratio (%) อยู่ที่ 99.16 และ 57.79 ตามลำดับ โดย
BSIRICG และ BSIRIRMF Underweight :
- พลังงานและสาธารณูปโภค บนพื้นฐานของบริษัทที่ประกอบธุรกิจปลายน้ำอย่างโรงกลั่นและปิโตรเคมีจะยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน และกำลังการผลิตที่ออกใหม่เพิ่มเติม
BSIRICG และ BSIRIRMF Overweight :
- เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ธุรกิจบริการโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากสถานการณ์ต้นทุนที่ผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ ความกดดันด้านการแข่งขันราคาเริ่มเบาบางลง
- พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตามความต้องการในการใช้พื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ีระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC
- เงินทุนและหลักทรัพย์ สถานการณ์ธุรกิจยังเดินหน้าเติบโตได้ดี ขับเคลื่อนด้วยความต้องการด้านสินเชื่อที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง