สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ยูเอส ไฮยิลด์
เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ตราสารหนี้ยูเอส ไฮยิลด์ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit rating) ระดับ B ให้ผลตอบแทน +2.45% หลังจากที่เคยให้ผลตอบแทนเป็นลบในเดือนพ.ค. ผลตอบแทนรายเดือนกลับมาเป็นบวกในเดือน มิ.ย. เป็นผลมาจาก
1) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงออกต่อทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในทำนอง Dovish แปลว่า เตรียมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
2) ความคาดหวังต่อการแก้ไขปัญหาระหว่างสหรัฐฯและจีนในประเด็นทางการค้า
ด้านกระแสเงินไหลเข้า-ออก ตราสารหนี้ยูเอส ไฮยิลด์ได้รับกับกระแสเงินไหลเข้าในเดือน มิ.ย. +3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับว่าเป็นการไหลเข้าต่อจากช่วง 5 เดือนแรกที่มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิรวมทั้งสิ้น +8.5 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
ด้านตราสารหนี้ออกใหม่ พบว่า มูลค่าตราสารหนี้ออกใหม่เพิ่มสูงสุดในเดือนมิ.ย. มีจำนวน 49 ตราสาร คิดเป็นมูลค่า 28.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค.ที่ 28.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังสูงกว่าเดือน มิ.ย. ปีที่แล้วที่ 16.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ออกใหม่ 76% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว หากเปรียบเทียบกับช่วงเวลา 6 เดือนแรกของปีนี้กับปีก่อน พบว่าในปีนี้มีตราสารหนี้ออกใหม่เพิ่มขึ้น 11% หมายถึงว่าเพิ่มขึ้นจาก 126.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 140.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านการผิดนัดชำระหนี้ พบว่า มีตราสารหนี้ไฮยิลด์ผิดนัดชำระหนี้ 1 ตราสารในเดือน มิ.ย. รวมมูลค่า 343 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราการผิดนัดชำระหนี้ตามราคาที่ตราไว้ (Par weight default rate) สิ้นเดือน มิ.ย.ระดับ 1.46% เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือน พ.ค.ที่ระดับ 1.44%
หากเทียบผลตอบแทนตราสารหนี้ไฮยิลด์สหรัฐฯรายเดือน (ซึ่งเพิ่มขึ้น +2.42%) น้อยกว่าหุ้นสหรัฐฯ (S&P500 ซึ่งเพิ่มขึ้น +7.05%) แต่มากกว่าตราสารหนี้เอกชน (U.S. Corporate +2.30%) และพันธบัตรรัฐบาล (U.S. Treasury +2.34%) เมื่อมองลึกลงไป โดยจำแนกตามอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร ตราสารหนี้ไฮยิลด์สหรัฐฯ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BB ให้ผลตอบแทน +2.80% สูงกว่าตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ B และสูงกว่าตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ CCC หรือต่ำกว่าให้ผลตอบแทน +1.38%
เมื่อพิจารณาตราสารหนี้โดยจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมของบริษัทที่ลงทุนพบว่าตราสารหนี้ทั้ง 18 กลุ่มอุตสาหกรรม ให้ผลตอบแทนเป็นบวก นำโดยตราสารหนี้ใน 1. กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ (+3.81%) 2. ตราสารหนี้ในกลุ่มธนาคาร (+3.67%) และ 3. ตราสารหนี้ในกลุ่มบริการ (+3.26%) ขณะที่ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นคือ 1. ตราสารหนี้ในกลุ่มพลังงาน (+1.56%) 2. ตราสารหนี้ในกลุ่มเฮลธ์แคร์ (+1.82%) และ 3. ตราสารหนี้ในกลุ่มขนส่ง (+1.99%)
ส่วนต่างของผลตอบแทนตราสารหนี้ยูเอสไฮยิลด์กับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (โดยใช้ Option adjusted spread) ระดับ 407 basis points แคบลง 52 basis points เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. อยู่ที่ระดับ 459 basis points ทำให้ราคาตลาดของตราสารหนี้เพิ่มขึ้นจาก 96.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนพ.ค. เป็น 98.91 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมิ.ย. ด้านผลตอบแทนตราสารหนี้กรณีใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนด (หรือที่เรียกว่า Yield to worst) ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ระดับ 6.08% พบว่าลดลงจากช่วงเดือน เม.ย. ที่ระดับ 6.17%
ที่มา: AXA Investment Managers, มิ.ย. 2019
นโยบายลงทุนของ AXA WF US High Yield Bonds I USD
ลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยคงที่และผันแปร โดยมีเป้าหมายในการบริหารกองทุนเพื่อให้ได้รายได้จากดอกเบี้ยในระดับสูงและสม่ำเสมอ
กองทุนหลัก (Master Fund)
ชื่อ: AXA WF US High Yield Bonds I USD
วัตถุประสงค์การลงทุน: แสวงหาผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในตราสารหนี้ยูเอสไฮยิดล์ในระยะยาว
วันจดทะเบียน: November 2006
ประเทศที่จดทะเบียน: ลักเซมเบิร์ก
สกุลเงิน: USD
เกณฑ์วัดผลการดำเนินงาน (Benchmark): BofA Merrill Lynch US High Yield Index.
Morningstar Category: Global Fixed Income
Bloomberg (A): AXUHYIU LX
Fund Size: USD 2,810.06 million (down from USD 2,875 million in Apr this year)
NAV: USD 248.84 (up from USD 246.79 in Apr this year)
Number of holdings: 249 (Up from 243 in Apr this year)
ลักษณะสำคัญ: AXA IM Core HY Strategy และ เกณฑ์มาตรฐาน BofA Merrill Lynch US High Yield Index
ที่มา: AXA WF US High Yield Bonds I USD, เดือน มิ.ย. 2019
ผลการดำเนินงานกองทุนย้อนหลัง (ข้อมูล 31 กรกฎาคม 2019)