กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF)

กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARERMF)

Global Healthcare Update

Source: Wellington Management, September 2019

ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทในกลุ่มโกลบอลเฮลธ์แคร์ในปีนี้ (YTD) พบว่า แข็งแกร่งขึ้นจากสองประเด็น คือ

  1. ยอดขายยาทั่วโลกเติบโตขึ้น (Volume Growth) จากความต้องการปัจจัย 4 ด้านการรักษาโรค
  2. การถือกำเนิดของแนวทางแบบใหม่ที่ใช้รักษาผู้ป่วย (Groundbreaking Innovation in therapeutic) เช่น Gene therapy / Robotic surgery / Immunotherapy

สิ่งที่ผู้ถือหน่วย BCARE/BCARERMF ต้องเฝ้าติดตาม คือ นโยบายด้านสุขภาพของสหรัฐ (Healthcare policy) เป็นสิ่งที่รัฐบาลวอชิงตัน ดีซี และสื่อมวลชน จะใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในช่วงโค้งแห่งการเลือกตั้ง (คาดว่าเดือน พ.ย. 2020) ปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อราคาหุ้นเฮลธ์แคร์โดยตรง อาจทำให้เกิดความผันผวนในระยะสั้น แต่ก็เป็นสิ่งนักลงทุนคงคุ้นชินกันดีอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร

เมื่อต้นปี 2019 หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์สหรัฐ ได้เผชิญกับทั้ง

1) ข้อเสนอ “Medicare for All” ของโดนัลด์ ทรัมป์

ที่มา : https://medicare4all.org/

 

2) ประเด็นเรื่อง “ราคายา” (Drug pricing)

ที่มา : https://www.reuters.com/article/us-usa-healthcare-drugpricing/trump-firms-up-plan-to-import-medicines-pharma-companies-resist-idUSKCN1UQ1NP

ทั้งสองเรื่องสร้างความปั่นป่วนให้กับธุรกิจในกลุ่ม (Sub-sector) ผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพที่อยู่ในกลุ่มประกันสุขภาพ (Healthcare services) และบริษัทผู้ผลิตยา (Pharmaceutical) ตามลำดับ

ในประเด็นแรก ข้อเสนอ “Medicare for All” ของทรัมป์

เชื่อว่าการใช้วาทศาสตร์จากฟากนักการเมืองสหรัฐ ในประเด็น Medicare for All จะโหมกระหน่ำในช่วงโค้งแห่งการเลือกตั้ง ผู้จัดการกองทุนเชื่อว่า การออกบังคับใช้กฎหมาย จนนำมาสู่การปรับโครงสร้างของธุรกิจยาไม่เกิดขึ้นแน่ เนื่องจากขั้วอำนาจในสภาคองเกรสแบ่งแยกกันชัดเจน ผู้จัดการกองทุนหลักจึงเชื่อว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะออกกฎหมายได้เพียงส่วนเล็กๆ ที่ไม่ต้องผ่านสภาเท่านั้น ซึ่งผลกระทบของกฎหมายที่ออกมาต่อธุรกิจเฮลธ์แคร์โดยภาพรวมแทบไม่มี

ประเด็นที่สอง ราคายา (Drug pricing)

กองทุนมองว่าใครก็ตามจะเป็นผู้นำทางการเมืองในสมัยหน้า ก็คงนำเรื่องราคายามาเป็นประเด็นต่อ แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ธุรกิจผู้ผลิตยาสามารถบริหารจัดการได้ บริษัทยาที่มีนวัตกรรม ทรัพย์สินทางปัญญา และลิขสิทธิ จะนำยาออกสู่ตลาดและสร้างรายได้ให้กับกิจการได้มากกว่า ซึ่งกองทุนหลักลงทุนบริษัทในกลุ่มนี้อยู่

ในระยะกลางถึงยาว ด้วยปัจจัยบวกทางด้านวัตกรรมทางการแพทย์ และโอกาสที่บริษัทยาขนาดใหญ่ซึ่งมีกระแสเงินสดสูง กับบริษัทขนาดกลางและเล็กที่พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในแขนงใหม่ๆ จะควบรวมกัน (M&A) นั้น สนับสนุนให้มูลค่าตลาด (Market capitalization) เติบโตได้ต่อ พอร์ตกองทุนหลักยังคงมีสัดส่วนลงทุนในกลุ่ม Biopharma และเทคโนโลยีทางการแพทย์มากเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าจะสามารถเข้าถึงตลาดของการรักษาโรคที่ปัจจุบันการรักษายังไม่หยั่งถึง ในระยะยาว ปัจจัยบวกต่อหุ้นโกลบอลเฮลธ์แคร์ยังคงอยู่ในเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆ ประชากรสูงวัย และความต้องการเข้าถึงการรักษาโรค ตามแนวทางของชาติตะวันตกที่เป็นเมกะเทรนด์