By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
“วางแผนทางการเงิน” พอได้ยินคำนี้แล้ว หลายคนมองเป็นเรื่อง “ยุ่ง ยาก เยอะ” จึงบอกกับตัวเองว่า “เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน” แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ยุ่งยากเลย และยิ่งวางแผนเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
วันนี้ทีมงานกองทุนบัวหลวง ซึ่งมีโอกาสลงไปจัดกิจกรรม “เปิดโลกลงทุน กับ กองทุนบัวหลวง” ให้ความรู้เรื่องวางแผนทางการเงินและกองทุนรวมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง (ม.อ.ตรัง) เมื่อช่วงที่ผ่านมา จึงถือโอกาสนี้ขอสัมภาษณ์ตัวแทนน้องๆ นักศึกษาว่า มีมุมมองเรื่องการวางแผนการเงินรวมถึงกองทุนรวมอย่างไรบ้าง
เริ่มกันที่ “นิตยา มะโนภักดิ์” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ ม.อ.ตรัง ที่ให้คำตอบดีๆ กลับมาว่า การวางแผนทางการเงินนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้เราวางแผนอนาคตได้
อย่างเช่นตัวเธอเอง อยากจะมีธุรกิจส่วนตัวในอนาคต จึงรู้สึกว่า หากรู้จักวางแผนตั้งแต่ต้นก็จะทราบว่าต้องมีเงินสำหรับลงทุนธุรกิจเท่าไหร่ในอนาคต และที่สำคัญคือ ตอนเกษียณอายุแล้ว จะต้องมีเงินไว้ใช้จ่ายเท่าไหร่ เมื่อวางแผนและทราบยอดเงินที่แน่ชัดแล้ว ก็จะทำให้ออมเงินและลงทุนได้สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตที่มีอยู่
นิตยา ระบุว่า เริ่มเห็นความสำคัญของการออมเงินมานานแล้ว และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงจังตั้งแต่ครั้งศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 ที่ ม.อ.ตรัง โดยเธอก็ออมเงินมาเรื่อยๆ แม้จะมีบ้างในบางวันที่ไม่ได้ออมเงิน แต่เมื่อรวมเงินที่ออมมาจนถึงปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ก็พอจะเห็นผลของการออมเงินบ้างแล้ว
เมื่อออมเงินได้ก้อนหนึ่ง นิตยาจะแบ่งเงินออกมาเป็น 2 ก้อน ก้อนแรก แบ่งไว้เพื่อนำไปใช้จ่ายกับสิ่งของที่อยากได้จริงๆ ส่วนก้อนที่ 2 จะเก็บออมเพื่อระยะยาว ซึ่งเธอมองว่า การออมเช่นนี้ เป็นการสร้างวินัยให้กับตัวเอง และถ้ามีโอกาสในอนาคตก็คงจะแบ่งเงินออมบางส่วนไปลงทุน
นิตยา ฝากข้อคิดกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันว่า หากเริ่มออมเงินเร็วเท่าไหร่ ในอนาคตเราก็จะมีโอกาสมีเงินสะสมมากกว่าคนอื่น ซึ่งการมีเงินสะสมอยู่มาก ถือเป็นโอกาสทางการเงิน ขณะที่กองทุนรวม ก็ถือเป็นหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยเราจัดการวางแผนทางการเงินได้ดีขึ้น เพราะหากไม่ชำนาญกับการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เอง ก็สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยจัดการให้ได้
ขณะที่ “เกียรติศักดิ์ ทองสุข” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ ม.อ.ตรัง เล่าให้ฟัง ถึงแม้ขณะนี้เป็นนักศึกษา ยังหาเงินเองไม่ได้ แต่เขามองว่าการออมเงินและวางแผนทางการเงินแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งจำเป็น
ระหว่างที่ยังหาเงินเองไม่ได้นั้น ก็ต้องออม ขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลาหาความรู้เรื่องการลงทุนไปด้วย เมื่อมีเงินออมเพียงพอจะได้นำเงินไปลงทุนเพื่อหารายได้ที่เป็น Passive Incomeโดยปัจจุบันก็มีการออมเงินอยู่ หลักการของเขาคือ “ออมก่อนใช้” เมื่อได้รับเงินมาเพื่อใช้จ่าย ก็ไม่ได้นำเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่าย แต่จะแบ่งเพื่อเก็บออมไว้ 10% เพื่อที่ในอนาคตสามารถแบ่งเงินส่วนหนึ่งที่ออมไปลงทุนได้ ซึ่งก็ถือเป็นการใช้เงินให้เกิดประโยชน์งอกเงย ดีกว่าการนำเงินไปเที่ยวเตร่
เกียรติศักดิ์ กล่าวว่า เขาใส่ใจเรื่องวางแผนทางการเงินตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว และเริ่มใส่ใจจริงจังขึ้นเมื่อเข้าศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ ม.อ.ตรัง และอยากฝากบอกเพื่อนๆ นักศึกษาว่า เราควรเห็นความสำคัญเรื่องวางแผนการเงิน ควรเริ่มออมได้เลยตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะหากเรามีเงินออม เมื่อใดก็ตามที่ต้องการลงทุน หรือ นำเงินไปซื้ออะไรบางอย่าง ก็สามารถทำได้ ซึ่งหากเป็นการนำเงินไปซื้อสิ่งของ เกียรติศักดิ์ จะมีแนวคิดอยู่ว่า เวลาอยากได้สิ่งไหนก็ตาม อย่าซื้อทันที แต่ให้กลับไปเก็บเงินให้ครบตามราคาสิ่งของที่ต้องการจะซื้อก่อน เมื่อเก็บเงินครบแล้ว ถึงเวลานั้น เราอาจไม่อยากได้สิ่งของนั้นแล้วก็ได้
เมื่อถามว่า กองทุนรวม จะมีส่วนช่วยวางแผนทางการเงินได้อย่างไรนั้น เกียรติศักดิ์ ให้คำตอบว่า เขามองกองทุนรวมเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เข้าใจง่าย มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อได้ เพียงแต่คนที่สนใจเข้าไปลงทุนผ่านกองทุนรวม จะต้องมีความรู้ ศึกษาข้อมูล
จะเห็นได้ว่า แม้น้องทั้ง 2 คนจะอยู่ในวัยเรียน แต่ก็เห็นความสำคัญเรื่องวางแผนการเงินกันแล้ว ใครที่อยู่ในวัยเดียวกันนี้ หรือวัยอื่นๆ แต่ยังละเลยเรื่องวางแผนการเงิน มองเป็นเรื่องไกลตัว มาเริ่มตื่นตัวกันตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย เพื่อชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า