โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน
BF Knowledge Center
ในยุคดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้ กองทุนเปิดฟันด์ออฟฟันด์บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ (ฺB-IR-FOF) ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะในสภาวะนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อคาดหวังดอกเบี้ยรับที่สม่ำเสมอก็จะน้อยลงไป หากนักลงทุนคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น ก็อาจจะต้องลองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ด้วยการลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพราะที่มาของผลตอบแทนค่อนข้างชัดเจน มีที่มาที่ไป และรูปแบบของรายได้สม่ำเสมอ
กองทุน B-IR-FOF เป็นกองทุนที่ไปลงทุนผ่านหน่วยลงทุน (ฟันด์ออฟฟันด์) ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจก่อนคือ กองทุนรวมประเภทนี้ มีระดับความเสี่ยงมากกว่าตราสารหนี้ แต่เนื่องจากกองทุนนี้ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในไทยและต่างประเทศ ก็ถือว่ามีการกระจายตัวของการลงทุน และมีรายได้เก็บกินค่อนข้างชัดเจน
ทั้งนี้ นักลงทุนหลายคนมักจะมีคำถามเข้ามาว่า แล้วการลงทุนผ่านกองทุนเปิดฟันด์ออฟฟันด์ (กองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุน) แตกต่างจากการนำเงินไปลงทุนกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไร ทำไมจึงต้องมาลงทุนผ่านฟันด์ออฟฟันด์ ในเรื่องนี้ขออธิบายว่า การลงทุนผ่านกองทุนรวมฟันด์ออฟฟันด์ จะมีผู้จัดการกองทุนคอยช่วยดูแลให้ ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้น แทนที่จะไปซื้อหุ้นโดยตรงเองรายตัว ก็มาซื้อกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนดูแล คัดเลือกหุ้นให้ โดยการซื้อผ่านกองทุนทำให้สามารถกระจายการลงทุนได้มากขึ้น อาจจะลงทุนกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ได้มากกว่า 10 กอง ซึ่งแต่ละกองอาจอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จะมี 2 ประเภทคือ แบบ free hold ที่มีกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ และแบบ lease hold ที่มีสิทธิการเช่าระยะยาว แต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบมีความยากง่ายในการพิจารณาความน่าลงทุนแตกต่างกัน ดังนั้นหากลงทุนผ่านกองทุนรวมฟันด์ออฟฟันด์ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแลให้ นักลงทุนก็ไม่ต้องยุ่งยากในการประเมินความน่าลงทุนเอง อีกทั้งกองทุน B-IR-FOF สามารถลงทุนได้ทั้งหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ จึงมีทางเลือกลงทุนมากมาย
สำหรับ B-IR-FOF จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับ 8 คือมีความเสี่ยงสูง ซึ่งเรื่องนี้ต้องขออธิบายผู้ลงทุนว่า สาเหตุที่จัดอยู่ในความเสี่ยงระดับนี้ เพราะกองทุน B-IR-FOF ถูกจัดให้เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เหมือนกับทองคำ หรือน้ำมัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ที่ไม่ใช่ตราสารหนี้ หรือหุ้น มีความเสี่ยงระดับ 8 แต่หากเทียบความผันผวนของการลงทุนผ่านหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กับการลงทุนในหุ้นแล้ว ก็ถือว่าความผันผวนต่ำกว่า
เมื่อถามว่า กองทุน B-IR-FOF เหมาะกับใคร ก็ต้องบอกกับนักลงทุนว่า กองทุนนี้เหมาะกับนักลงทุนที่คาดหวังได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ แต่ก็ยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ยังต้องเป็นคนที่เข้าใจธรรมชาติของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ชอบการลงทุนลักษณะนี้เพราะมีความชัดเจนของที่มาที่ไปของรายได้ ขณะเดียวกันต้องเป็นคนที่ลงทุนระยะยาวได้ โดยระหว่างทางของการลงทุน B-IR-FOF มีนโยบายจ่ายเงินปันผลคืนระหว่างทางที่ลงทุนด้วย