ไวรัสโคโรนา 2019 จะเร่งความเร็วการแยกตัวของสหรัฐฯ และจีน ยิ่งกว่าสงครามการค้า

ไวรัสโคโรนา 2019 จะเร่งความเร็วการแยกตัวของสหรัฐฯ และจีน ยิ่งกว่าสงครามการค้า

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า Curtis Chin นักวิเคราะห์จากสถาบันมิลเคน ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้จะเป็นตัวเร่งความเร็วในการแยกตัวกันระหว่าง สหรัฐฯ กับจีน มากกว่าการที่ทั้งคู่ทำสงครามการค้าระหว่างกันด้วยซ้ำ เพราะขณะนี้ภาคธุรกิจเริ่มคิดถึงห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาในระยะยาวแล้ว โดยเชื่อว่าการระบาดครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศหลุดพ้นออกจากกันมากขึ้น

“ทุกอย่างไม่สามารถอยู่ในจีนได้ เราเริ่มเห็นผลของการพึ่งพาตลาดที่สำคัญเพียงตลาดเดียว” Chin กล่าว

Chin ยังกล่าวต่อว่า ในความเป็นจริงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีน มีตั้งแต่ห่วงโซ่อุปทานไปจนถึงการลงทุน และการไหลเวียนทางการค้า ซึ่งเกี่ยวพันกันมานานหลายปีแล้ว เมื่อมีวิกฤติไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งนี้ ก็ยิ่งเป็นการเน้นย้ำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรการค้าการลงทุนของจีนตระหนักถึงการกระจายความเสี่ยงออกจากจีน

ขณะที่ โนมูระ ออกรายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ชี้ว่า จีนมีการเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งกับเศรษฐกิจโลก โดยจีนครองส่วนแบ่ง 12% ของการค้าโลกในปีที่ผ่านมา ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานของหลายบริษัท เช่น บริษัทจากสหรัฐฯ ก็มีการผลิตที่ขึ้นอยู่กับโรงงานในจีนเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มต้นที่อู่ฮั่น ซึ่งถือเป็นเมืองหนึ่งที่เป็นห่วงโซ่อุปทานสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมามีการปิดเมืองอู่ฮั่น จำกัดการคมนาคม และปิดโรงงานยาวนานกว่าปกติ เช่น โรงงานผลิตรถยนต์หลายแห่งที่ต้องปิดโรงงานชั่วคราวระหว่างการแพร่ระบาดครั้งนี้ ขณะที่ ฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์เจ้าใหญ่ของแอปเปิ้ล ก็รายงานว่า โรงงานในจีนยังไม่กลับมาผลิตเต็มที่ ขณะที่นักวิเคราะห์ก็ปรับลดคาดการณ์การส่งมอบไอโฟนลดลง

วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 อาจเป็นผลดีต่ออเมริกา เพราะทำให้ธุรกิจชั้นนำ เริ่มพิจารณาห่วงโซ่อุปทานของตัวเอง และกลับมาสร้างงานรวมถึงผลิตในสหรัฐฯ

“ฉันคิดว่า เรื่องนี้จะช่วยกระตุ้นให้มีการกลับมาสร้างงานในอเมริกาเหนือ ทั้งในสหรัฐฯ และในเม็กซิโก” รอสส์ กล่าว