จากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ที่สร้างความกังวลให้แก่ตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก นักลงทุนในหลายประเทศทยอยขายสินทรัพย์ต่างๆ ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของตลาดการเงิน รวมถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ของไทย ที่มีผู้ถือหน่วยลงทุนขายคืนสูงกว่าภาวะปกติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตลาดการเงินและตลาดทุน ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แถลงมาตรการรองรับสถานการณ์เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2563 แล้วนั้น
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ชี้แจงมาตรการที่ได้ตกลงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมาตรการที่อุตสาหกรรมจะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อสร้างเสถียรภาพของอุตสาหกรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหน่วยลงทุน ดังนี้
- ใช้กลไลเพิ่มสภาพคล่องให้กองทุนรวมผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยให้ธนาคารพาณิชย์สามารถซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เปิดให้ทำการซื้อขายได้ทุกวันทำการ (Daily Fixed Income Fund) ซึ่งลงทุนไว้ในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี แต่อาจได้รับผลกระทบเรื่องสภาพคล่องในระยะสั้นจากการขายคืนของผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมๆ กัน โดยให้ธนาคารพาณิชย์สามารถนำหน่วยลงทุนดังกล่าวไปวางเป็นหลักประกันทำธุรกรรมซื้อคืน (Repurchase Agreement -Repo) กับธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้กองทุนบริหารสภาพคล่องได้ดีขึ้น
- ธนาคารแห่งประเทศไทย จะจัดตั้งกองทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องตราสารหนี้เอกชน รองรับตราสารหนี้เอกชนออกใหม่ที่มีคุณภาพดีให้สามารถต่ออายุ (Roll Over) ต่อไปได้ และช่วยลดความเสี่ยงในการไม่สามารถชาระหนี้ได้ (Default Risk) ของตราสารหนี้ดังกล่าว
- ธนาคารแห่งประเทศไทย จะดูแลตลาดพันธบัตรให้มีเสถียรภาพดียิ่งขึ้น
- สมาคมฯ เสนอให้ ก.ล.ต.ผ่อนคลายหลักเกณฑ์และข้อจำกัดบางประการเป็นการชั่วคราว เพื่อให้กองทุนรวมตราสารหนี้มีเครื่องมือบริหารพอร์ตการลงทุนและสภาพคล่องได้ดีขึ้นในสภาวะตลาดผันผวน
ด้วยมาตรการข้างต้นนี้ สมาคมฯ มั่นใจว่าจะรักษาเสถียรภาพกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์คุณภาพดีให้อยู่ในระดับปกติและป้องกันไม่ให้ผู้ถือหน่วยได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรโดยไม่จำเป็น