สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัท ซัมซุง อิเล็คทรอนิกส์ ออกมาเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมาว่า มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 23% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กัน เป็นผลจากยอดขายชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นรองรับระบบการทำงานจากที่บ้าน (เวิร์ค ฟรอม โฮม) ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
ทั้งนี้ ยอดขายชิปที่ดีขึ้นช่วยชดเชยความต้องการซื้อสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ที่อ่อนแอได้ ขณะที่กำไรที่มาจากธุรกิจจอแสดงผลซึ่งมีบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ เป็นลูกค้า ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น
ซัมซุง ให้ข้อมูลว่า มีกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2 อยู่ที่ 8.1 ล้านล้านวอน หรือ 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมาไกลกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 6.4 ล้านล้านวอน และยังเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2018 ด้วย อย่างไรก็ตาม รายได้รวม ลดลง 7% เหลือ 52 ล้านล้านวอน จากปีก่อนหน้า
การที่ต้องทำงานจากที่บ้าน และการเติบโตของการเรียนผ่านออนไลน์ เป็นแรงผลักดันให้ความต้องการชิปเพิ่มขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยังทำให้ราคาชิปความจำแบบดีแรมขยับขึ้นด้วย โดยเบื้องต้นบริษัท ไมครอน เทคโนโลยี ซัพพลายเออร์ ชิปความจำดีแรม จากสหรัฐฯ ก็คาดการณ์ว่าจะมีรายได้ที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ผ่านมา
“ความต้องการชิปเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงโควิด-19” Park Sung-soon นักวิเคราะห์ บริษัท เคป อินเวสเม้นท์ แอนด์ ซิเคียวริตี้ กล่าว
ในส่วนของธุรกิจโทรศัพท์มือถือและโทรทัศน์ ก็ดีกว่าที่คาดการณ์ เป็นผลจากต้นทุนการทำตลาดที่ลดลง และร้านจัดจำหน่ายกลับมาเปิดดำเนินการทั่วโลก หลังประเทศเริ่มคลายล็อคดาวน์
นักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ราคาชิปความจำที่เพิ่มขึ้นอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นต่อในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มศูนย์ข้อมูลมีความระมัดระวังมากขึ้นในการเก็บสะสมชิป หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง