หุ้นจีนจะให้ผลตอบแทนดีกว่าทองหรือไม่?

หุ้นจีนจะให้ผลตอบแทนดีกว่าทองหรือไม่?

โดย…ทนง ขันทอง

มีการตั้งประเด็นเกี่ยวกับการลงทุนที่น่าสนใจว่า หุ้นจีนจะให้ผลตอบแทนดีกว่าทองหรือไม่  จากบทความใน The South China Morning Post เรื่อง “Will China stocks outperform gold, which has risen 33 per cent this year?” ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา

Xun Yugen นักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของ Haitong Securities ที่เซี่ยงไฮ้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หุ้นจีนอาจจะให้ผลตอบแทนดีกว่าทองก็ได้ เนื่องจากตลาดหุ้นจีนกำลังได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก ซึ่งช่วยทำให้ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ มีกำไรดีขึ้น รวมทั้งทำให้นักลงทุนสนใจที่จะลงในหุ้นมากยิ่งขึ้น

ในปีนี้ ราคาทองคำ ปรับขึ้นไปแล้ว 33% โดยแซงหน้าหุ้นจีนที่ให้ผลตอบแทน 11% แต่ Xun มองว่า เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้เงินเฟ้ออาจจะไม่เป็นปัญหา โดยที่ทอง หรือสินค้าโภคภัณฑ์จะมีราคาสูงขึ้นหรือไม่อย่างไรจะมีเรื่องเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ

Xun ให้ความเห็นต่อไปว่า ความสามารถในการจัดการควบคุมไวรัสโคโรนาของจีนจะช่วยผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและผลกำไรของบริษัท โดยที่อัตราการโตของกำไรของบริษัทที่จะทะเบียนในตลาดหุ้นจีนในไตรมาสนี้อาจจะอยู่ที่ 13% และในไตรมาสต่อไปจะโต 20%

Xun กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาพคล่องในตลาดการเงิน และปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นจะช่วยดันราคาหุ้นจีน โดยที่หุ้นจีนจะน่าสนใจที่จะลงทุนมากกว่าทองเมื่อมองไปข้างหน้า

ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ โดยให้ผลตอบแทนดีกว่าทั้งหุ้นและตราสารหนี้ เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกมีการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโคโรนา รวมทั้งความตึงเครียดในสงครามการค้าทำให้มีความต้องการลงทุนในทรัพยิ์สินทองคำที่ถือว่าเป็นเซฟเฮเว่น

ในวันจันทร์ที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองฟิวเจอร์สขึ้น 0.6% ไปแตะระดับ 2,022.80 ดอลลาร์สหรัฐ ในชั่วโมงการซื้อขายในตลาดเอเซีย หลังจากที่ราคาลดลง 2% ก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกันดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพซิทสูงขึ้นเล็กน้อย 0.8% ไปปิดที่ระดับ 3,379.25 จุด

ขณะเดียวกันในตลาดหุ้นฮ่องกง นักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้น 2 ตัวเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้ คือหุ้นของบริษัท Tencent Holdings เจ้าของแอปพลิเคชัน WeChat ที่ถูกทางประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แบน และหุ้นของบริษัท Next Digital ของนาย Jimmy Lai และเป็นแกนนำที่สำคัญในการประท้วงเรียกร้องเสรีภาพที่ถูกทางการฮ่องกงจับกุมตัวข้อหาละเมิดกฎหมายความมั่นคง

ปรากฎว่าหุ้นของ Tencent Holdings ในวันอังคารที่ 11 ส.ค. ฟื้นตัว 3.2% ไปอยู่ที่ 514 ดอลลาร์ฮ่องกง หลังจากที่หุ้นตก 9.6% ในวันศุกร์ที่ 7 ส.ค. และ วันจันทร์ที่ 10 ส.ค. รวมกันจากผลกระทบของการแบน WeChat ในตลาดสหรัฐฯของทรัมป์ ส่วนหุ้นของNext Digital เพิ่มมากกว่า 2 เท่า ในเวลา 2 วันทำการ ล่าสุดราคาอยู่ที่ 0.94 ดอลลาร์ฮ่องกง