กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นญี่ปุ่น (B-NIPPON)

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นญี่ปุ่น (B-NIPPON)

สถานการณ์ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น TOPIX Stock Price Index (TOPIX) ลดลง -4.02% ในเดือน ก.ค. 2020 ปิดที่ 1,496.06 จุด แม้เครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ เช่น US Institute for Supply Management (ISM) business index และตัวเลขการจ้างงานในเดือน มิ.ย. ของสหรัฐฯ ออกมาดี รวมถึงการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นจีนได้สร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีให้เกิดขึ้นก็ตาม ความกังวลต่อความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากกลับมาของ COVID-19 ยังคงอยู่ ทำให้ดัชนีตลาดอ่อนตัว

ในช่วงเดือน ก.ค. ตลาดมีความหวังมากขึ้นโอกาสการฟื้นตัวในระยะข้างหน้าจากรายงานของสื่อเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในโตเกียวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทำสถิติรายวันสูงสุด ตลาดหุ้นจึงตอบสนองทางด้านลบท่ามกลางความกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับทั้งประเทศ ช่วงปลายเดือน ก.ค. ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลงอีกครั้งจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในประเทศระหว่างเดือน เม.ย. – มิ.ย. ที่ออกมาแย่และมุมมองต่อช่วงที่เหลือของปีนี้ที่ไม่สดใส ในเวลาเดียวกัน GDP รายไตรมาสของสหรัฐฯ ระหว่างเดือน เม.ย. – มิ.ย. ปรับตัวลดลงมากที่สุดส่งผลต่ออารมณ์ตลาดให้เลวร้ายลงไปอีกท่ามกลางเงินเยนที่แข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน

จากปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลงอย่างหนักช่วงสิ้นเดือน ก.ค. ในแง่กลุ่มอุตสาหกรรมมีเพียง 3 จาก 33 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่ม Information and technology ที่บริษัทซึ่งเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ได้ขายทรัพย์สินบางรายการออกไปทำให้งบการเงินและผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นดีขึ้นกว่าเดิม ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่เหลือปรับตัวลดลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการขนส่งทางบกลดลงบนความคาดหมายว่าจำนวนการท่องเที่ยวและปริมาณการเดินทางในประเทศจะลดลง

Source:  Market review, Nomura Asset Management – July 2020

มุมมองต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น

รัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมได้ประกาศ preliminary Industrial production index เบื้องต้น ณ วันที่ 30 ก.ค. 2020 ว่าเพิ่มขึ้น +2.7 เทียบจากเดือนก่อนหน้า ภาคการผลิตยังคงขึ้นๆลงๆ จากการกลับมาระบาดของ COVID-19 ผลการสำรวจดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมคาดไว้ว่าตัวเลขในเดือน ส.ค. 2020 จะเติบโต 3.4% mom จากเดือนก่อน ด้านผลกำไรบริษัทจดทะเบียนของหุ้นขนาดใหญ่ที่ไม่รวมกลุ่มสถาบันการเงิน สำหรับรอบปีบัญชีนี้ (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2021) จะลดลง -15.2% yoy จากปีก่อน ผลกระทบที่ยืดเยื้อจากสถานการณ์ COVID-19 เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเกือบทั้งหมด และสำหรับปีบัญถัดไป (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2022) ผลกำไรบริษัทที่มีการปรับผลกระทบจากความผันผวนตามฤดูการแล้ว จะเติบโตได้ระดับ +42.2%

แหล่งที่มา: Nomura Financial and economic center

กองทุนหลักเล่าภาพเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่กลับได้รับผลจากการกลับมาของไวรัส COVID-19 ณ ปลายเดือนก.ค. ทำให้ร้านค้าปลีก และสันทนาการ รายได้หด แม้อัตราการว่างงาน 2.8% จะไม่ได้เพิ่มขึ้นแรงเพราะพนักงานได้รับเงินชดเชยภาครัฐแต่ถือว่าสูงขึ้นจากค่าเฉลี่ยที่ 2.4% ในปี 2019 การลดลงของรายได้ภาคครัวเรือนมีโอกาสนำไปสู่บรรยากาศของการบริโภคภาคครัวเรือนที่แย่ลงในอนาคตได้อีก

ผลสำรวจ Tankan จาก Bank of Japan ในเดือน มิ.ย. บ่งชี้ว่าแทบทุกกลุ่มธุรกิจมีการปรับลดเงินลงทุนทำให้ประเด็นการขาดแคลนแรงงานซึ่งมีมาอย่างยาวนานน่าจะบรรเทาลงได้ในรอบนี้ สำหรับภาคการส่งออกซึ่งตกต่ำรุนแรงโดยเฉพาะธุรกิจกลุ่มยานยนต์ ยอดส่งออกเริ่มกลับมาเป็นบวกในเดือน มิ.ย.แต่ความไม่แน่นอนยังสูง และสำหรับด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางญี่ปุนตัดสินใจคงนโยบายการเงินไว้เหมือนเดิมซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเงินสดสภาพคล่องของกิจการและรักษาเสถียรภาพในตลาดเงิน

กองทุนหลักคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ ค.ศ. 2020 จะหดตัว -5.4% yoy

ด้านระดับมูลค่าหุ้น ตลาดซื้อขาย ณ P/B 1.18 x ณ สิ้นเดือน ก.ค. อัตราส่วน earnings yield (กำไรต่อหุ้น/ราคาหุ้น) 4.78% อัตราส่วนเงินปันผลคาดการณ์ 2.40% ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปีที่ 0.010%

จากนี้ไปทีมงานวิเคราห์กองทุนหลักกำลังมองหาบริษัทที่

  1. บริษัทที่มีความสามารถในการกระแสเงินสดในอนาคตและมีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น (ROE)
  2. บริษัทญี่ปุ่นที่รายได้มาจากต่างประเทศ และมีผลประกอบการแตกต่างจากคู่แข่งอื่นในอุตสาหกรรมอย่างมีนัย โดยทำความเข้าใจภาวะการแข่งขันที่ไม่เหมือนกันต่อสินค้าและบริการของบริษัทในประเทศต่างๆ หรือภูมิภาคต่างๆ เพื่อหาโอกาสลงทุน

Source:  Market review, Nomura Asset Management – July 2020

กลยุทธ์ลงทุนของ Nomura Japan Strategic Value Fund

แสวงหาผลตอบแทนด้วยการลงทุนระยะยาวในหุ้นญี่ปุ่น ด้วยการคัดเลือกบริษัทที่มีมูลค่ากิจการต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยพิจารณาจากความสามารถในการทำกำไรและการบริหารจัดการสินทรัพย์ ทั้งนี้จะมุ่งเน้นยัง

  • บริษัทที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเงินรวมถึงนโยบาย อันจะส่งผลบวกต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
  • บริษัทที่ได้เปรียบในเชิงแข่งขัน มีโอกาสเติบโตจากการปฏิรูปโครงสร้างทางการจัดการ และจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งต้องเป็นบริษัทที่มีงบการเงินแข็งแกร่ง และมีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่เพียงพอ หากต้องเพิ่มอัตราจ่ายเงินปันผลรวมถึงซื้อหุ้นคืน

การปรับพอร์ตกองทุนหลักในเดือน ก.ค. 2020

เพิ่มการลงทุนหุ้นในกลุ่มเคมี โดยบริษัทที่เพิ่มสัดส่วนจะเป็นบริษัทที่มีการสนับสนุนให้ออกไปหาธุรกิจใหม่นอกเหนือจากธุรกิจเดิมที่ทำฟิล์มถ่ายรูป

ลดการลงทุนหุ้นในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นทำให้ไม่ Undervalued อีกต่อไป

โดย ณ สิ้นเดือน ก.ค. บริษัทลงทุน 5 อันดับแรกยังคงเป็น

  1. บริษัท NTT ธุรกิจสื่อสารที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดสำหรับมือถือและโทรศัพท์บ้านในญี่ปุ่น บริษัทให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น
  2. บริษัท Hitachi ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น บริษัทพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรภายในและหันมาทำธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รางรถไฟและพลังงาน
  3. บริษัท TDK ผู้ผลิตส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้เทคโนโลยีแมกเนติกเฟอร์ไรด์ บริษัทเตรียมย้ายพอร์ตการลงทุนที่หันมาให้ความสำคัญทางด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในรถยนต์
  4. บริษัท ORIX นอกเหนือจากธุรกิจหลักซึ่งคือสินเชื่อ บริษัทมีพอร์ตการลงทุนกระจายตัวในประกันชีวิต อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน การจัดการเขตการบิน
  5. บริษัท Mitsubishi Estate หนึ่งในผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีการลงทุนหลายด้าน มีโปรเจกต์ในการพัฒนาอาคารสำนักงานที่มีอยู่ ณ ใจกลางกรุงโตเกียวเพื่อเพิ่มจำนวนผู้เช่า

กองทุนหลัก (Master Fund)

ชื่อ: Nomura Japan Strategic Value Fund ชนิดหน่วยลงทุน A class

นโยบายการลงทุน: เป็นกองทุนรวมต่างประเทศที่จดทะเบียนในประเทศไอร์แลนด์ มีนโยบายมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น อนึ่ง กองทุนอาจลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นอกประเทศญี่ปุ่น แต่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศญี่ปุ่นได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด

วันจัดตั้งกองทุน: 26 สิงหาคม 2009

ประเทศที่จดทะเบียน: ไอร์แลนด์

สกุลเงิน: JPY

เกณฑ์วัดผลการดำเนินงาน (Benchmark): TOPIX (Total Return Net)

Morningstar Category: Japan Equity

Bloomberg code: NOMJSJA

Fund size: USD 334.12 M

NAV: JPY 18,497 (A Class)

Number of holdings: 108

*ที่มา Nomura Asset Management Singapore Limited  ข้อมูลวันที่ 31 ก.ค. 2020

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ข้อมูลวันที่ 31 ก.ค. 2020

ดัชนีชี้วัด หมายถึง TOPIX Total Return Index (ซึ่งเป็นเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก) ในสกุลเงินเยน ปรับด้วยต้นทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเทียบกับค่าสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน ตามสัดส่วนการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในประเทศ * ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2017 ตัวชี้วัดใช้แบบผลตอบแทนรวม หมายเหตุ: กองทุน B-NIPPON จดทะเบียนวันที่ 27 พฤศจิกายน 2014,หน่วยลงทุน Class A ของกองทุนหลัก Nomura Japan Strategic Value Fund จดทะเบียนวันที่ 04 มกราคม 2010