โดย… ทนง ขันทอง
นอร์เวย์มีประชากรเพียง 5.43 ล้านคน แต่เป็นประเทศที่รวยน้ำมัน รายได้ส่วนเกินจากน้ำมันเข้าสู่กองทุนมั่งคั่ง ซึ่งมีชื่อว่า Norway Government Pension Fund Global กองทุนมั่งคั่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สิน 1.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความจริงแล้ว รัฐบาลนอร์เวย์มีกองทุนมั่งคั่งอีกกองหนึ่ง เรียกว่า Government Pension Fund of Norway โดยมีขนาดเล็กกว่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 เพื่อเป็นหลักประกันเงินออมให้ชาวนอร์เวย์
นโยบายการลงทุนของทั้ง 2 กองทุนมั่งคั่งไม่เหมือนกัน โดย Norway Government Pension Fund Global จะลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ทั่วโลกให้ได้ผลตอบแทนที่สูงที่สุด ในขณะที่ Government
Pension Fund of Norway จะลงทุนในบริษัทหรือธุรกิจที่อยู่เฉพาะในประเทศ และในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียเท่านั้น
ต่อไปนี้เป็นการจัดอันดับกองทุนมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส :
- Norway Government Pension Fund Global: 1.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
- China Investment Corporation: 940,604 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Abu Dhabi Investment Authority: 579,621 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Kuwait Investment Authority: 533,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Hong Kong Monetary Authority Investment Portfolio: 528,054ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- GIC Private Limited (Singapore): 453,200ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Temasek Holdings (Singapore): 375,383 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Public Investment Fund of Saudi Arabia: 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- National Council For Social Security Fund (China): 324,996 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Investment Corporation of Dubai: 305,233 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผลกระทบของไวรัสโคโรนาทำให้กองทุนมั่งคั่งของนอร์เวย์ขาดทุน 3.4% หรือ 21,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020
Trond Grande ผู้ช่วยซีอีโอของ Norges Bank Investment Management ที่บริหารกองทุนมั่งคั่ง Norway Government Pension Fund Global กล่าวว่า การขาดทุนมาจากความผันผวนเป็นอย่างมากในตลาดการเงิน โดยเมื่อต้นของปี 2020 ทุกอย่างกำลังดูดี แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปหลังจากที่ไวรัสโคโรนาระบาดทำให้ตลาดปรับตัวลงอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายการเงินและการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆ ในเชิงรุกทำให้ตลาดมีการปรับตัวดีขึ้น
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 กองทุนมั่งคั่ง Norway Government Pension Fund Global มีการจัดพอร์ตดังนี้ คือ 69.9% ลงทุนในหุ้น 27.6% ลงทุนในตราสารหนี้ และ 2.8% ลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์
การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทน -6.8% โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันที่ขาดทุน 1 ใน 3 แต่หุ้นในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่ถือรวมทั้งไมโครซอฟท์ แอปเปิ้ล อเมซอน และอัลฟาเบท ให้ผลตอบแทนดีที่สุด หรือ 14.2%
ส่วนหุ้นยุโรปให้ผลตอบแทน -11.7% ในครึ่งปีแรก โดยมีสัดส่วนในพอร์ต 31.6% หุ้นในตลาดเอเชียให้ผลตอบแทน -4.6% โดยมีสัดส่วนในพอร์ต 23% ในขณะที่หุ้นในตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทน -7.3% และมีสัดส่วน 11.5% ในพอร์ต