ซีเอ็นบีซี รายงานว่า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจแอนด์เจ) วางแผนจะเริ่มทดสอบวัคซีนโคโรนาไวรัสที่มีศักยภาพในขั้นตอนสุดท้ายซึ่งเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ที่สุดในเดือน ก.ย. นี้
สำหรับการทดสอบวัคซีนระยะที่ 3 (เฟส 3) จะทดสอบกับคนที่สุขภาพดีไม่ต่ำกว่า 60,000 คน อายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่กว่า 180 พื้นที่ของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ โดยผู้เข้าร่วมจะถูกสุ่มเลือกว่าจะได้รับวัคซีนที่มีศักยภาพหรือยาหลอก ซึ่งในรอบนี้จะมีการพิจารณาว่าวัคซีนนี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพหรือไม่ จากนั้นจะมีนักวิจัยติดตามผลในเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี
การดำเนินโปรแกรมในเฟสที่ 3 จะต้องมีประสิทธิภาพที่สุด โดยจะมีผู้เข้าร่วม 60,000 คน และจะต้องดำเนินการในพื้นที่ที่มีการเกิดโรคสูง ทั้งนี้เราใช้ข้อมูลการระบาดวิทยาและการสร้างแบบจำลองข้อมูลเพื่อทำนายและวางแผนว่าควรจะศึกษาที่ไหน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
เจแอนด์เจ เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่พยายามพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่มีศักยภาพจะนำมาใช้ได้ โดยปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วมากกว่า 22.4 ล้านคนทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 788,500 คน
ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก (WHO) ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนอยู่กว่า 160 วัคซีนทั่วโลก โดยขณะนี้มีอย่างน้อย 30 วัคซีนที่อยู่ในขั้นตอนการทดสอบทางคลินิกแล้ว
การทดลองวัคซีนของเจแอนด์เจครั้งนี้ น่าจะเป็นการทดลองวัคซีนโคโรนาไวรัสครั้งใหญ่ที่สุด ขณะที่บริษัทยาอย่าง โมเดนา และไฟเซอร์ เริ่มทดลองวัคซีนที่มีศักยภาพขั้นสุดท้ายซึ่งเป็นครั้งใหญ่ที่สุดไปแล้วตั้งแต่เดือนก่อน โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 30,000 คน
กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้ทำข้อตกลงกับแจนเซ่น บริษัทเภสัชกรรมในเครือเจแอนด์เจ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสั่งซื้อวัคซีน 100 ล้านโดส โดยข้อตกลงนี้ได้ให้รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ มีทางเลือกในการสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติมได้อีก 200 ล้านโดสด้วย ขณะที่ก่อนหน้านี้ เจแอนด์เจ เคยออกมาระบุว่า จะผลิตวัคซีน 600-900 ล้านโดส ในเดือน เม.ย. ถ้าหากวัคซีนได้ผลดี และเจแอนด์เจยังคาดการณ์ว่าจะมีวัคซีนสำหรับใช้กรณีฉุกเฉินได้ในช่วงต้นปี 2021