จัดพอร์ต Gen Y ให้อยู่สบายตอนเกษียณ

จัดพอร์ต Gen Y ให้อยู่สบายตอนเกษียณ

โดย พริ้มพัชร จิรบวรพงศา AFPTTM

กองทุนบัวหลวง

ปัจจุบันสังคมของเรากำลังถูกขับเคลื่อนโดยคนยุคมิลเลนเนียล หรือที่เรียกกันว่า Gen Y (กลุ่มคนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2523 – 2546) โดยคนกลุ่มนี้กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากที่สุดในตลาด ทดแทนกลุ่มคนยุค Gen X และ Baby Boomer ได้อย่างสมบูรณ์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีนี้

สำหรับประเทศไทยเรามีประชากร Gen Y อยู่ประมาณ 14.4 ล้านคน โดยที่น่ากังวลก็คือ 50% ของคน Gen Y มีภาระหนี้สิน และ 20% ของคน Gen Y มีภาระหนี้สินที่ผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากนิสัยของคน Gen Y ที่มีความกล้าในการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อความสุข  ความสะดวก และความสบาย (ประหยัดเวลา) ประกอบกับอยู่ในช่วงวัยที่มีรายได้ค่อนข้างมาก สุขภาพแข็งแรง ยังมีเรี่ยวแรงในการหาเงินและใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงช่องเทคโนโลยีเพื่อจับจ่ายใช้สอย  สามารถรูดซื้อผ่านบัตรเครดิตได้ง่าย จึงทำให้คน Gen Y  เน้นจับจ่ายใช้สอยเพื่อความสุขในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม สังคมในอนาคตกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ และมีแนวโน้มที่แรงงานคนจะถูกทดแทนได้ด้วยเทคโนโลยี นั่นหมายความว่า  Gen Y ทุกคน  ไม่ควรใช้ชีวิตอยู่บนความประมาท

จริงอยู่ที่เรามักเคยได้ยินกันว่า “จงใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน” การกังวลกับอนาคตมากเกินไปจะทำให้เป็นทุกข์ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า ทุกครั้งที่เราหลับตานอนและตื่นขึ้นมาอีกวัน  ชีวิตในอนาคตก็เขยิบ
เข้ามาเป็นปัจจุบันตรงหน้า การจัดพอร์ตลงทุนเพื่อวัยเกษียณสำหรับ Gen Y จึงควรเริ่มต้นลงมือตั้งแต่ตอนนี้ โดยในเบื้องต้นอยากให้ลงมือจัดการหนี้สินให้ดีก่อน จากนั้นจึงเริ่มต้นลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง

สาเหตุที่แนะนำให้ Gen Y เริ่มต้นจัดพอร์ตลงทุนเพื่อวัยเกษียณตั้งแต่ตอนนี้  เป็นเพราะช่วงวัยของพวกเรา  ต้องถือว่าเป็นช่วงที่หารายได้ได้มากพอสมควร ถ้าไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเพลิดเพลินเกินไปนัก ก็สามารถมีเงินเหลือลงทุนในแต่ละเดือนได้อย่างสบายๆ อีกทั้ง ตัวเราเองก็เคยได้รับประสบการณ์ตรงจากสถานการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบกับการเงินของเรา  ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์แฮมเบอเกอร์ หรือไวรัสโควิด-19  ซึ่งถ้าเราไม่ลงทุนเอาไว้บ้างเลย คำถามก็คือ เรามั่นใจไหมว่าจะมีเงินใช้เพียงพอสำหรับวัยเกษียณ

จากการลองคำนวณคร่าวๆ  สมมติว่า  เราเกษียณเมื่ออายุ  55  ปี  มีอายุขัยไปจนถึง  90  ปี  ในช่วง 35  ปีนี้  เรากินข้าววันละ  3  มื้อ  มื้อละ  100  บาท เราจะต้องมีเงินเตรียมไว้ประมาณ  3.8  ล้านบาท ดังนั้น ตัวเลขที่บอกกันว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่สบายในวัยเกษียณต้องมีเงินประมาณ  10  ล้านบาท  ก็คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คำถามก็คือ เราจะทำอย่างไรให้ได้เงิน  10  ล้านบาท?

คำตอบที่น่าสนใจก็คงหนีไม่พ้น การใช้เครื่องมือลงทุน

การจัดพอร์ตลงทุนสำหรับ  Gen Y  เพื่อให้อยู่สบายตอนเกษียณ สามารถทำได้ไม่ยากด้วยการจัดพอร์ตลงทุนในกองทุนรวม

ยกตัวอย่าง   ผู้ลงทุนอายุ  30 ปี  ไม่เคยลงทุนมาก่อน ต้องการที่จะมีเงิน 10  ล้านบาท  ณ วันที่เกษียณอายุ  55  ปี  สามารถลงทุน  10,000  บาทได้ทุกเดือน ผู้ลงทุนคนนี้จะต้องจัดพอร์ตลงทุนที่ให้ผลตอบแทนประมาณ  8%  ต่อปี ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการจัดพอร์ตลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้  กองทุนรวมหุ้นไทย  กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ  และกองทุนรวมทองคำ โดยเน้นสัดส่วนการลงทุนในหุ้นให้มากหน่อยในช่วง 10 ปีแรก  และค่อยๆ ลดสัดส่วนลงในช่วง  5 – 10  ปีหลัง

การจัดพอร์ตลงทุนของ  Gen Y  แนะนำให้เลือกกองทุนรวมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี   โดยแนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ  หรือที่คุ้นเคยกันดีในชื่อ RMF : Retirement Mutual Fund ซึ่งต้องบอกว่า  เงื่อนไขในการลงทุนกองทุนประเภท RMF  นับว่าเป็นของแสลงสำหรับ Gen Y   โดยเฉพาะเงื่อนไขที่บอกว่าต้องลงทุนต่อเนื่องไปจนอายุ  55  ปีบริบูรณ์   ให้ความรู้สึกเหมือนลงทุนชาตินี้  ได้รับเงินคืนชาติหน้ายังไงยังงั้น     แต่เชื่อเถอะว่าด้วยเงื่อนไขที่ผูกพันนี่แหละ  จะทำให้เราสามารถมีเงินก้อนในวัยเกษียณ  สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายไร้กังวล

สำหรับชาว Gen Y ที่กลัวว่าจะจำเงื่อนไขลงทุนไม่ได้   ขอให้จำไว้แค่ว่ากองทุนรวม RMF  เมื่อเริ่มต้นลงทุนแล้วต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี (ปีเว้นปีก็ได้)    โดยไม่กำหนดขั้นต่ำในการลงทุน   วิธีที่ดีที่สุดคือ ใช้บริการลงทุนอัตโนมัติแบบถัวเฉลี่ย DCA ขั้นต่ำต่อเดือน  500  บาทเท่านั้น   และหากปีไหนมีเงินอยากลงทุนเพิ่มก็ค่อยซื้อเพิ่มได้     ส่วนเงื่อนไขในการขายคืนจำไว้ว่า 55-5-5  คือลงทุนต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 55 ปี  เงินลงทุนก้อนแรกต้องมีอายุถือครองมากกว่า 5 ปี  และสุดท้ายคือ ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีลงทุน   ซึ่งถ้าเราเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุ 30 ปี  ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจ