ยุโรปมองบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เป็นผู้ชนะในวิกฤติไวรัสโคโรนาและควรจ่ายภาษีเพิ่ม

ยุโรปมองบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เป็นผู้ชนะในวิกฤติไวรัสโคโรนาและควรจ่ายภาษีเพิ่ม

ผู้บริหารสำนักงานยุโรป ออกมาให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีว่า บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ต้องจ่ายภาษีในระดับที่ยุติธรรมกับยุโรป โดยเฉพาะจากเหตุผลที่พวกเขาเป็นผู้ชนะที่แท้จริงในวิกฤติไวรัสโคโรนา ซึ่งการแสดงความคิดเห็นนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความแตกแยกระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เกี่ยวกับประเด็นการเก็บภาษีบริษัท เช่น แอปเปิ้ล อัลฟาเบท และแอมะซอน

“นี่เป็นปัญหาสำคัญ” Paolo Gentiloni อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจและภาษี กล่าวกับซีเอ็นบีซีในงานประชุมสุดยอดด้านเศรษฐกิจประจำปีที่ยุโรป โดยเขาทราบดีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องยากลำบากในการเอาชนะความคิดเห็นที่แตกต่างกับสหรัฐฯ

อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปที่จะยอมรับแนวคิดว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้ชนะในวิกฤติ จะไม่จ่ายภาษีอัตราที่เป็นธรรมในยุโรป

ในปี 2018 คณะกรรมาธิการยุโรป มีแผนจัดเก็บภาษีดิจิทัล 3% โดยชี้ว่าระบบภาษีควรต้องปรับปรุงให้สอดรับกับยุคดิจิทัล แต่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ระบุว่า ภาษีดิจิทัลเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม และมีผลกระทบต่อบริษัทอเมริกัน

ส่วนในเวลานี้ คณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า บริษัทดิจิทัล โดยเฉลี่ยจะเสียภาษีอัตราที่แท้จริง 9.5% ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจดั้งเดิมที่เสียภาษีกัน 23.2%

ขณะที่ โควิด-19 ที่แพร่ระบาด เป็นแรงกระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ยิ่งเติบโต เพราะมีลูกค้าจำนวนมากที่ต้องทำงานผ่านทางไกล ชอปปิง และยังคงเชื่อมต่อออนไลน์อยู่

“แพลตฟอร์มดิจิทัลยักษ์ใหญ่คือผู้ชนะที่แท้จริงในวิกฤติครั้งนี้ จากมุมมองด้านเศรษฐกิจ จากประสบการณ์ของพวกเราทุกคนที่เจอในชีวิตจริง” Gentiloni กล่าว

ขณะที่รัฐบาล ต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งการเรียกเก็บภาษีใหม่เป็นหนึ่งในหนทางที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นยุโรปจึงมองการจัดเก็บภาษีดิจิทัลใหม่ในปี 2021 หากการเจรจาในระดับองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ล่มไปภายในปีนี้

“ถ้าเราไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีในระดับโลก คณะกรรมาธิการยุโรปจะออกมาในปีหน้าพร้อมข้อเสนอของเราเอง” Gentiloni กล่าว