สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจพีมอร์แกนเชสแอนด์โค (JPMorgan Chase & Co) คาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาแร่โลหะ และโลหะมีค่า ซึ่งรวมถึงทองคำ
‘อัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และนั่นจะเป็นผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์’ เจพีมอร์แกนระบุ
โดยรายงานล่าสุดของเจพีมอร์แกนระบุว่าปัจจัยที่เป็นผลดีต่อต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น
โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งเจพีมอร์แกนคาดว่า ราคาวัตถุดิบอุตสาหกรรมจะได้รับผลดีที่สุดในช่วงที่วงจรเศรษฐกิจเข้าสู่ช่วงปลายของการขยายตัว
‘อัตราเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้นเป็นผลดีต่อสินค้าโภคภัณฑ์ อันที่จริง ราคาโลหะ ทั้งที่เป็นวัตถุดิบอุตสาหกรรม และโลหะมีค่า ปรับเพิ่มขึ้นมานับตั้งแต่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2% ตามเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง’ เจพีมอร์แกนกล่าว
แนะนำลงทุนในโลหะมีค่า เช่นทองคำ เงิน ทองคำขาว และลงทุนในทองแดง สังกะสี และนิกเกิ้ล โดยคาดว่า จะให้ผลตอบแทนในระดับสูงสุดในช่วง 1 ปีข้างหน้าบนสมมุติฐานที่ว่า วงจรขาขึ้นจะยืนออกไปยาวกว่าปี 2018 และการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านั้นในขณะนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งเท่านั้น