OAG ผู้ทำแบบสำรวจนักเดินทางทั่วโลก เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ ซึ่งสำรวจกับผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน flightview กว่า 4,000 คนทั่วโลก โดยพบว่า นักเดินทางยังคงระมัดระวังว่าจะสัมผัสกับไวรัสโควิด-19 ที่สนามบิน หรือระหว่างการบิน แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นนัก โดยในแบบสอบถามให้ระบุความกลัวที่ระดับ 1-10 คือ ไม่กลัวเลยไปจนถึงกลัวมากที่สุด พบว่า 52% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า พวกเขามีความกลัวในระดับ 5 หรือต่ำกว่า มีเพียง 32% ที่มีความกลัวในระดับ 8 ขึ้นไป
นอกจากนี้ยังพบว่า 1 ใน 3 ของนักเดินทาง ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดินทางอันเป็นผลจากไวรัส โดยส่วนใหญ่ยังคงต้องการจะเดินทางด้วยเครื่องบินเพียงแต่มีความระมัดระวังมากขึ้น โดย 37% จะบินถ้ามีเรื่องสำคัญ 25% จะบินโดยตรงและหลีกเลี่ยงการต่อเที่ยวบินที่ต้องเปลี่ยนเครื่องบินและสนามบิน ส่วน 10% จะบินในช่วงนอกเวลาเร่งด่วน
โดยรวมแล้ว มากกว่า 3 ใน 4 ของผู้บริโภค หรือ 79% ระบุว่า พวกเขาวางแผนที่จะบินในประเทศในอีก 6 เดือนข้างหน้า เมื่อเทียบกับ 69% ที่วางแผนจะบินระหว่างประเทศ ส่วนสายการบินและบริษัทท่องเที่ยวสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้ในการเพิ่มระดับผู้โดยสารได้ โดยจัดลำดับความสำคัญที่การเดินทางในประเทศ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นเมืองที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำ
ที่ผ่านมา สายการบินมีการปรับใช้มาตรการความปลอดภัยหลายอย่างเพื่อเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร เช่น การเปิดเก้าอี้โดยสารที่อยู่ระหว่างกลางไว้ อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่สามรรถดำเนินการได้ระยะยาวและไม่ได้ทำให้เกิดประสิทธิภาพโดยรวม
จากการสำรวจ OAG พบว่า นักเดินทางทั้งในเอเชียแปซิฟิกและยุโรป ให้คะแนนปล่อยเก้าอี้ตรงกลางทิ้งไว้อยู่ในอันดับ 5 ของมาตรการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพที่สุด ขณะที่นักเดินทางอเมริกาเหนือให้คะแนนมาตรการนี้ในอันดับที่ 2 และเมื่อดูโดยรวมทั่วโลกแล้วพบว่า การเว้นที่ว่างตรงกลางไว้อยู่ในอันดับ 3
รายงานขยายความเพิ่มเติมว่า อันดับ 1 ของมาตรการที่ผู้โดยสารทั่วโลกให้น้ำหนักคือ การให้ผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องสวมหน้ากาก เพราะสิ่งผู้บริโภคกลัวมากที่สุดในการสัมผัสไวรัส ก็คือ ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน 40% ตามด้วย 17% ที่สนามบิน โดย 76% คิดว่าการให้ผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ทุกคนสวมหน้ากากจะเป็นมาตรการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพที่สุด