โดย อรพรรณ บัวประชุม CFP®
ใครที่เลย 3 ย่านมาระยะหนึ่งแล้วและตอนนี้กำลังเข้าสู่หลัก 4 ต้องคิดถึงการลงทุนในกองทุนรวม RMF กันแล้วแน่ๆ โดยเฉพาะคนที่เลยหลัก 4 มาระยะหนึ่งแล้ว ต้องรู้จักกองทุนประเภทนี้กันเป็นอย่างดี ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นน่ะหรือคะ นั่นก็เป็นเพราะว่า
1. เหลือระยะเวลาในการถือครองไม่นานแล้ว เพราะก่อนที่จะผ่าน 3 ย่าน เราก็มักจะคิดว่าการลงทุนในกองทุนรวม RMF ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ต้องลงทุนนาน 20 – 30 ปีกว่าจะขายคืนได้ แต่ตอนนี้อายุก็ผ่านหลัก 4 มาแล้ว ความกังวลเรื่องระยะเวลาการถือครองก็ไม่นานเหมือนก่อนอีกต่อไป และถ้าไม่เริ่มลงทุนตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปเริ่มลงทุนกันตอนไหน ถ้าจะต้องรอไปถึง 5 แยกก่อนแล้วค่อยลงทุนก็อาจจะจวนเจียนจนเกินไป ช่วงนี้จึงถือเป็นช่วงเวลาแห่งการสะสมก่อนจะเตรียมเข้าสู่ช่วงเกษียณกันค่ะ
2. ลงทุนได้เต็มๆ ถึง 30% ของเงินได้ทั้งปี เพราะก่อนหน้านี้ลงทุนได้สูงสุดแค่ 15% ของเงินได้ทั้งปีเท่านั้น แม้จะเริ่มต้นช้าไปสักหน่อยแต่ก็สามารถลงทุนได้เต็มๆ เต็ม แบบเม็ดเต็มหน่วย ลงทุนช้า แต่ลงทุนเต็มๆ มีหลากหลายนโยบายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นกองทุนประเภทตราสารหนี้ ที่เสี่ยงน้อยสุดๆ แน่นอนว่าโอกาสในการรับผลตอบแทนก็จะน้อยตามไปด้วย หรือการลงทุนในนโยบายหุ้นไทย หุ้นเทศ ที่มีความหลากหลาย ตามความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ หรือตามประเทศที่เราอยากเลือกลงทุน ก็สามารถเลือกลงทุนได้เช่นกัน
3. ไม่จำกัดเงินลงทุนขั้นต่ำอีกต่อไป จากเดิมต้องมีการลงทุนขั้นต่ำทุกปี อย่างน้อย 3% ของเงินได้ทั้งปีหรือ 5,000 บาท ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป หากปีไหนมีความจำเป็นต้องใช้เงิน อยากจะลงทุนทั้งปีแค่ 500 บาทก็ทำได้ แต่ถ้าอยากสบายหลังเกษียณแล้วล่ะก็ลงทุนมากหน่อยก็ไม่มีใครว่า เพราะอย่างน้อยเงินลงทุนก็ยังเป็นเงินของเรา แถมยังลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุนด้วยค่ะ ส่วนใครจะได้ลดภาษีมากน้อยกันขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับเงินได้ทั้งปีของเราด้วยว่าได้มากน้อยขนาดไหน เสียภาษีในอัตราเท่าไหร่ เพราะเงินลงทุนในกองทุนรวม RMF จะไปถูกหักออกก่อนจะเป็นเงินได้สุทธิและคำนวณภาษี ดังนั้น หากใครที่รายได้สูงมากๆ ก็จะได้ลดภาษีสูงสุดถึง 35% กันไปเลยค่ะ
4. สร้างวินัยก่อนการเกษียณแบบ Happy แม้ว่าจะไม่จำกัดเงินลงทุนขั้นต่ำอีกต่อไป แต่เรายังคงต้องมีวินัยในการลงทุน เพราะอย่าลืมว่า เมื่อตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวม RMF แล้ว เราต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี แม้ว่าจะสามารถลงทุนปีเว้นปีได้ก็ตาม แต่เพื่อไม่ให้พลาด และไม่ให้ผิดเงื่อนไขการลงทุน การลงทุนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราไม่ต้องใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยจนเกินไปในปัจจุบัน และจะทำให้เรามีเหลือใช้ในอนาคตอีกด้วย
ส่วนการจะเลือกลงทุนในกองทุนไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของเราเลยค่ะ ถ้ารับความเสี่ยงได้น้อยหน่อย ก็ลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้มากหน่อย เช่น กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้น 25% เพื่อการเลี้ยงชีพ ที่ต้องมีการลงทุนในหุ้นบ้าง เพราะถ้าไม่มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเลย โอกาสได้ผลตอบแทนอาจต่ำกว่าเงินเฟ้อได้ค่ะ ถ้ารับความเสี่ยงได้มากหน่อยการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอลเพื่อการเลี้ยงชีพ แต่ถ้าเราชอบเทคโนโลยี กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยีเพื่อการเลี้ยงชีพก็ช่วยตอบโจทย์เราได้ค่ะ ส่วนใครที่อยากมีทองคำเก็บไว้ยามบั้นปลายของชีวิต แต่ไม่อยากซื้อมาเก็บเองเพราะกลัวหายกลัวขโมย ก็ไม่ยากเลยค่ะ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพช่วยให้เราสะสมทองได้ไม่ยากแบบไม่ต้องกังวลว่าจะถูกขโมย และสำหรับใครที่สงสัยกันว่าเคยลงทุนกองทุนไหนแล้วต้องลงทุนกองทุนเดิมทุกปีมั้ย ไม่จำเป็นค่ะ เราสามารถเลือกลงทุนในกองทุนใหม่และ สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้
ส่วนใครที่เห็นว่าทำไมกองทุนที่สนใจราคาสูงจัง ก็ไม่ได้อยากให้คิดว่าลงทุนในกองทุนที่แพงเกินไปแล้ว เพราะการลงทุนเริ่มต้น ณ วันนี้ และไปจบลงในอนาคต ดังนั้น การเลือกลงทุนในวันนี้ต้องมองโอกาสการลงทุนที่จะไปต่อในอนาคตค่ะ ส่วนใครที่เห็นว่ามีกองทุนรวม RMF ออกใหม่และตอบโจทย์ตรงใจเราก็สามารถลงทุนแบบประเดิมในช่วง IPO ที่เปิดให้ขายในราคา 10 บาทต่อหน่วยกันได้นะคะ
“เลือกนโยบายให้เหมาะตามความเสี่ยงที่เรารับได้ แล้วเราจะสบายใจกับการลงทุนในระยะยาวค่ะ”