สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เคยทำผลการดำเนินงานได้ต่ำเป็นประวัติการณ์ช่วงที่ผ่านมา กลับปรับตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนไปสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี และเป็นหนึ่งในตลาดประเทศพัฒนาแล้วที่ทำผลการดำเนินงานติดอันดับต้นๆ ของโลก ในช่วงสัปดาห์หลังจากที่นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นักลงทุนมองกันว่า การแตกหักทางด้านนโยบายการค้าโลกจะน้อยลงภายใต้การรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของไบเดน ขณะที่วัคซีนโควิด-19 ก็จะเป็นผู้นำที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงผลักดันผลตอบแทนพันธบัตรให้สูงขึ้นด้วย จึงมีนักลงทุนจำนวนมากผละออกจากการลงทุนในหุ้นที่เติบโต โดยเฉพาะกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น เทคโนโลยี มาอยู่ในกลุ่มที่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งก็ทำให้ญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งหุ้นอุตสาหกรรมหลักสำหรับกลุ่มผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมอยู่ในสายตาของนักลงทุน
“เรารู้สึกว่าญี่ปุ่นกลับมาเป็นที่สนใจมากขึ้นอีกครั้ง” Patrick Ghali หุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษากองทุนป้องกันความเสี่ยง (เฮดจ์ฟันด์) Sussex Partners กล่าว พร้อมกับแนะนำให้แบ่งสัดส่วนเงินลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
Jim McCafferty หัวหน้าฝ่ายวิจัยหุ้นประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ ในฮ่องกง กล่าวว่า ญี่ปุ่น เป็นตลาดที่พัฒนาแล้ว คุณจะได้รับเงินปันผลที่เติบโตดีที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้วหลายๆ ตลาด และคุณยังได้เข้าถึงตลาดที่มีรายได้จำนวนมากมาจากนอกประเทศญี่ปุ่นด้วย
ทั้งนี้ หุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น 2 ราย ได้แก่ โตโยต้า มอเตอร์ และฮอนด้า มอเตอร์ ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบหลายเดือนหลังจากที่บริษัทปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากการดำเนินงานเป็นเท่าตัวในระหว่างที่ความต้องการของตลาดจีนฟื้นตัว ขณะที่ McCafferty เน้นย้ำว่า เศรษฐกิจที่แยกตัวออกจากตะวันตกเป็นประเด็นที่ทำให้ญี่ปุ่นน่าดึงดูดใจ