โดย…ทนง ขันทอง
แบงก์ ออฟ อเมริกาได้ทำนายว่าคนที่อยู่ในวัยเจน Z จะเป็นกลุ่มคนที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิมๆ ไปโดยสิ้นเชิง (disruption) มากที่สุด หรือมากกว่าคนในยุคใดๆ ที่ผ่านมา โดยรายได้ของพวกเขาจะสูงกว่าคนในเจนมิลเลนเนียลในปี 2031
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า Haim Israel หัวหน้ายุทธศาสตร์การลงทุนของ BofA Global Research ได้เขียนรายงานว่า การปฏิวัติของเจน Z กำลังเริ่มขึ้น โดยพวกเขาเป็นคนยุคแรกที่เกิดมาพร้อมกับโลกออนไลน์ และกำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ที่สำคัญพวกเขาจะสร้างแรงกดดันให้คนในเจนอื่นให้ปรับตัวให้เข้าหาพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องปรับตัวเข้าหาคนเจนอื่นๆ
เจน Z คือกลุ่มคนบนโลกที่เกิดระหว่างปีคศ. 1996 ถึงปี 2016 โดยจะเป็นกลุ่มคนที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิมๆ ไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะในด้านเศรษฐกิจ ตลาดการเงิน และระบบสังคม
ตั้งแต่ปี 2000เป็นต้นมา มี 2 เหตุการณ์ใหญ่ที่สุดระดับโลกเกิดขึ้น คือ เหตุการณ์ 911 ที่มีการถล่มตึก World Trade Center ที่มหานครนิวยอร์ก และการระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีผลทำให้โลกมีการชัตดาวน์ ในขณะที่เจน Z ไม่มีความทรงจำในเหตุการณ์ 911 แต่พวกเขาจะจดจำไวรัสโคโรนา และผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
BofA บอกว่า พลังทางเศรษฐกิจของเจน Z จะเติบโตเร็วที่สุดมากกว่าคนยุคก่อนๆ ที่ผ่านมา โดยรายได้ของเจน Z จะเติบโต 5 เท่าภายในปี 2030 เป็นรายได้รวมกัน 33 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่พวกเขาเข้าสู่ตลาดแรงงานเพื่อสร้างรายได้
รายได้ของกลุ่มเจน Z จะมีสัดส่วนเทียบเท่า 25% ของรายได้ทั้งโลก และรายได้ของกลุ่มเจน Z จะแซงหน้ากลุ่มมิลเลนเนียลภายในปี 2031
จะมีการโอนถ่ายความมั่งคั่งเกิดขึ้นจากคนในยุคเก่ามายังคนในเจน Z ที่จะเป็นผู้รับมรดก คนที่เกิดในยุคเบบี้บูมเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกากำลังนั่งกองบนกองของความมั่งคั่งรวมกัน 78 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเวลานี้
ประมาณ 9 ใน 10 ของคนเจน Z อยู่ในประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยประมาณ 1 ใน 5 ของเจน Z นี้จะอยู่ในประเทศอินเดีย BofA มองว่า อินเดียจะเป็นแหล่งรวมของคนเจน Z เนื่องจากอินเดียมีประชากรมาก มีการพัฒนาด้านการศึกษาอ่านออกเขียนได้ มีการเติบโตของสังคมเมือง และมีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ และไทย ก็เป็นประเทศเกิดใหม่ที่มีศักยภาพที่จะได้ประโยชน์ของผลพวงของการปฏิวัติของเจน Z